Tuesday 16 October 2018

"ผิดหวัง" พูดอย่างไรในภาษาอังกฤษ

British Slang;

สวัสดีครับ วันนี้แทนมีสแลงภาษาอังกฤษมาฝากครับ แต่ก่อนอื่น มาดูวิธีการพูดแบบง่ายกันก่อน

หากเรา "ผิดหวัง" เรื่องใด เราสามารถพูดเป็นภาษาอังกฤษง่ายๆ ได้ว่า

I'm disappointed. (อ่านว่า"ไอมม์ ดิส สัพ พ้อย เท็ด")
ประธานเป็น "คน" อย่างนี้ ต้องทำให้เป็นรูปนี้ "disappointed" นะครับ อย่าลืมออกเสียง "เท็ด" พยางค์หลังสุดดังๆ ครับ

หรือเราอาจเลือกใช้ Phrasal verb ก็ได้ ฟังดูดี ถึงใจเหมือนกัน คำว่า

Let down โดยกลุ่มนี้เป็น Verb ครับ

เราอาจใส่ประโยคสมบูรณ์ ความหมายว่า "สิ่งนี้ทำให้ฉันผิดหวัง" ได้ว่า

It let me down. (สังเกตุว่า จะเอากรรม "me" ไปแทรกตรงกลางระหว่าง Phrasal Verb นะครับ เมื่อเป็นกรรมอย่างนี้)

คราวนี้ เราก็มีสำนวนหรือแสลงครับ เราใช้รูปว่า

Gutted (adjective) อ่านว่า "กัท เท็ท" ครับ

ตัวอย่างเช่น

I'm absolutely gutted.
ฉันผิดหวังมาก

หรือประธานของประโยคอาจเป็นสิ่งของอื่นๆ ก็ได้ครับ ที่เหมาะสม เช่น

The group will be gutted if anyone in the team leaves.
คนในกลุ่มจะผิดหวังมากแน่ถ้ามีใครสักคนในสมาชิกขอถอนตัวออกจากกลุ่ม

หรือ
I am gutted that I didn't get accepted to the university I wanted.
ฉันผิดหวังมากที่ฉันไม่ได้รับเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยที่ฉันต้องการ

สแลง Gutted นี้ มีความหมายเป็น Absolute Adjective อยู่แล้วนะครับ คือตัวคำนี้แปลได้ว่า "ผิดหวังอย่างมาก" ครับ ถ้าเราอยากจะขยาย ต้องเลือกใช้ adverb ที่เหมาะสมและถูกต้องครับ

ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านครับ

Lots of luv,

Than x @ Bristol House

Call 085-164-6105
Email Bristolhouse.schoolofenglish@gmail.com

You look ตอน 1

Learning Is Never Wasting;


สวัสดีครับ สบายดีไหมครับ? วันก่อนได้ไปเดินเล่นตามตลาดนัดกลางคืนสีลม มีฝรั่งเข้ามาซื้อของเพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ ยิ่งใกล้เทศกาลวันหยุดยาวคริสมาต์ปีใหม่อย่างนี้ ได้เห็นพร้อมกับได้ยินบทสนทนากันระหว่างพ่อค้าแม่ค้า ผมก็นึกถึงประเด็นมาเขียนเป็นความรู้ภาษาอังกฤษครับ


นี่เป็นเรื่องไวยากรณ์ภาษาขั้นพื้นฐาน ทั้งๆ ที่พ่อค้าแม่ค้าเค้าคงอาจไม่สนใจว่าต้องให้เป๊ะ ถูกต้องกันขนาดไหน แต่ด้วยเนื้อหามันง่ายดาย ใครๆ จึงเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องได้ ผมว่าจะเป็นประโยชน์ดีนะครับ และทุกคนที่ต้องการเก่งภาษาอังกฤษขั้นเทพ ต้องพิถี่ถิถันละเอียดในการใช้คำเล็กๆน้อยๆ เช่นนี้ขั้นแรกๆก่อนนะครับ


เหตุการณ์คือมีฝรั่งเดินเข้ามาจับสินค้า ทันใดทีนั้นพ่อค้าก็พูดเลยว่า
Good quality. You look. ผมแปลในใจผม ได้ว่า "คุณภาพดี คุณดูสิ"


ประโยค You look. นี้ ค่อนข้างแรงนะครับ เพราะโครงสร้างภาษาอังกฤษที่ขึ้นด้วย ประธาน "You" แล้วตามด้วย V/1 แบบนี้ ถือเป็นประโยค "คำสั่ง" ครับ ภาษาอังกฤษเราเรียก Imperative Sentence เราแปลเป็นไทย เหมือนบอกว่า "คุณจงทำ____" นี่คืออารมณ์ที่มันมาด้วยกับโครงสร้าง Imperative นี้ครับ นั่นคือ ภาษาอังกฤษเราเลือกใช้เฉพาะกับสถานการณ์ที่เหมาะสมกับ Imperative เช่น "บอกเส้นทาง" หรือ "แนะนำให้ทำอะไร เมื่อถูกถาม" นะครับ แต่ว่า การให้ลูกค้า "ลองดูลองชม" สินค้า ไม่เหมาะแน่ครับ


คนไทยก็เหลาภาษาให้สละสลวยได้ครับ จะได้ไม่ต้องจ้างคนต่างชาติมาขาย ซึ่งเห็นได้ว่ามีเยอะมาจากอินเดีย ปากีสถาน หน้าตาแถบนั้น พวกนี้พูดได้ทั้งภาษาเค้าเอง ภาษาอังกฤษ และก็ภาษาไทยด้วย เราคนไทยต้องรีบพัฒนาภาษาอังกฤษด่วนครับ ไม่งั้นอาจพลาดโอกาสงานขายใช้ภาษาอังกฤษดีๆ


เราก็ยังคงรักษาโครงสร้างประโยคคำสั่งไว้ โดยจะใช้ว่า


Have a look ก็ได้ครับ เพราะว่าการใช้ "have" มีความหมายว่า "ให้ผู้รับสารนี้" เขาสามารถเลือกได้ ว่าจะทำหรือไม่ครับ เราเพียงแนะนำให้เขาเลือกทำครับ ก็ฟังดูไพเราะครับ


ลักษณะคำพูดทักทายกันสั้นพวกนี้ หรือ Smalltalk เราจะได้เรียนรู้กันในคอร์สโทอิคที่เปิดสอนที่บริสตอลเฮ้าส์ครับ สอนสด โดยผมเอง แทน คอร์สเราจะตั้งชื่อให้กิ๊บเก๋ไว้ครับ แต่ยังคงมีเนื้อหาเน้นปูแกรมม่าให้แน่นแนวใหม่ เน้นเข้าใจลึกซึ้ง เสร็จแล้วเราทำข้อสอบโทอิคกันครับ เหมือนได้เรียน 2 คอร์สเลย สุดคุ้มแน่นอนครับ เนื้อหาก็ปรับปรุงใหม่ครับ ผู้เรียนประสบความสำเร็จในการเรียนกันมากมาย สนใจ ลงเรียนวันนี้ครับ ที่บริสตอลเฮ้าส์ ลาดกระบัง-สุวรรณภูมิ หรือ บริสตอลเฮ้าส์ บางมด -ประชาอุทิศ โทร 085-164-6105 ทางอินเตอร์ก็สะดวกที่ www.BristolHouse.net มีคำถามใด ขอเชิญโทรคุยกันเต็มที่เลยนะครับ


ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ แล้วเจอกันครับ


Best regards,

Than x @ Bristol House
Bristol House - Where Miracle Happens

You look ตอน 2

Learn Real English เรียนรู้ภาษาอังกฤษแท้ๆ;

"You look 2"

ความเดิมจากตอนที่แล้ว พูดวิธีการเชิญชวนแบบง่ายไปแล้วคือ Have a look นะครับ วันนี้ขอมาต่อด้วยประโยคที่แตกต่างออกไป ในความหมายนี้ ให้สละสลวยเหมือนเจ้าของภาษาครับ เราจะเชิญชวนให้ซื้อของเราเป็นภาษาอังกฤษอย่างไร


อันนี้ผมมีประสบการณ์ตรงครับ ตอนทำงานอยู่ที่อังกฤษผมเคยเป็นพนักงานขายสินค้าที่หลายคนมีครอบครองอยู่แล้ว เช่นพวกสัญญาอินเตอร์เน็ต สัญญาโทรศัพท์มือถือ รวมถึงสัญญาค่าไฟฟ้าและเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ อยู่ทั่วเมืองฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ (South West) เราต้องนั่งรถไฟไปหากลุ่มเป้าหมายที่ไกลออกไปจากเมือง Bristol ที่พักอยู่ครับ แม้ทางบริษัทจะพาเราไปเข้าคอร์สฝึกขาย มีคู่มือให้เลยเสร็จสับ ให้พูดตามหนังสือเลยครับ แต่เมื่อเราออกขายจริงๆ จะทำตัวเป็นหุ่นยนต์ทำงานตามหนังสือสั่งก็คงเบื่อตัวเองแย่ ผมเลยศึกษามองดูเพื่อนๆ ว่าเขาพูดอย่างไรกัน เพราะนี่เป็นสินค้าที่ลูกค้ามีอยู่แล้ว ทีมงานขายพวกเราหลายคน ต้องขายกันเต็มที่ ขายยากเหมือนสำนวนภาษาอังกฤษเขาว่า "sell ice to an Eskimo" นั่นคือ "ขายน้ำแข็งให้คนเอสกิโม" เลยละครับ นั่นคือต้องดึงทุกทักษะมาใช้ ร่วมทั้งผมได้เรียนรู้จากเพื่อนๆ ว่าประโยคแรกๆ ต้องพยายามรวบรวมใจความข้อมูลสินค้าที่ขาย และโปรโมชั่นต่างๆ ไว้ให้ทันทวงที แล้วเราสามารถทักลูกค้ารายใหม่ได้ ดังประโยคต่อไปนี้ครับ


Would you like to see them?
คุณอยากดูมันไหม?


Can I interest you to look at this item?
ฉันสามารถทำให้คุณสนใจดูสิ่งของพวกนี้ไหม?


Is this something I can interest you to buy?
นี่ใช่ไหม คือสิ่งที่ฉันพอจะทำให้คุณสนใจซื้อได้?


Is this something you might be interested in today?
ของนี้เป็นสิ่งที่คุณอาจจะสนใจชมวันนี้ไหม?


Why don't you have a look at this?
ทำไมไม่ลองชมสินค้านี้ดูหน่อยละ?


Would you be interested to have a look at this?
คุณอยากลองชมดูสินค้านี้ไหม?


เวลาแปลเป็นภาษาไทยตรงตามตัวแล้ว อาจฟังดูเวอร์ไปสักหน่อย แต่ผมว่าก็น่าใช้ดีนะครับ


นำไปใช้แล้วได้ผลอย่างไร เขียนข้อความฝากกันไว้นะครับ


ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ

ฝากแชร์ให้เพื่อนๆด้วยครับ


Lots of luv,

Than x @ Bristol House
Call 085-164-6105

เพลง Skyscraper แปลเป็นภาษาไทยงดงามน่าอ่าน เข้าใจและเรียนรู้แกรมม่าได้

World of Music;


ใกล้จะคริสมาสต์แล้ว ทีวีที่อังกฤษก็เริ่มมีกระแสตื่นเต้นว่า เพลงใดจะเป็น Christmas Number 1 แม้นว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันเริ่มเป็น routine เกินไป ที่ผู้ชนะรายการแข่งขันร้องเพลง X Factor จะปล่อยเพลงขึ้น chart อันดับ 1 ทำให้เพลงจากศิลปินอื่นถูกฟังมากขึ้น และต้านกระแสชนะเพลงจากรายการนี้ได้บ้าง แต่ปีที่แล้ว ผู้ร้อยเพลงชนะ ชื่อ Sam Bailey เป็นแม่ลูก 2 อายุ 35 ปี อาชีพเจ้าหน้าที่ควบคุมเรือนจำชายนี้ครับ ที่ชนะอันดับ 1 และเป็นเพลงฮิตช่วงคริสมาสต์ครับ ใครที่ชมรายการอยู่ตลอด ผมคาดว่าน่าจะรู้สึกหวังและอยากให้เธอชนะจริงๆ ครับ เพราะความสามารถเธอเยี่ยมจริงๆ


ให้ผมแปลเป็นเนื้อความภาษาไทย เนื้อเพลงนี้ กันนะครับ เพื่อได้เรียนรู้คำศัพท์บ้าง เรียนรู้วิธีการใช้อุปมาอุปมัยภาษาอังกฤษเล่าเรื่องในเพลงครับ นอกเหนือจากน้ำเสียงภาษาอังกฤษที่ Sam ร้องได้เพราะทีเดียว


Have a Lovely Christmas & Happy New Year 2015,

Than x @ Bristol House


====
"Skyscraper" Sam Bailley
http://youtu.be/kh2cMMFanB8

Skies are crying, I am watching
ท้องฝ้ากำลังร่ำไห้ ฉันก็กำลังมองดู

Catching tear drops in my hands
หยดน้ำตา ตกลงใส่มือฉัน

Only silence as it's ending
เฉพาะความเงียบเท่านั้นละ ที่เหลืออยู่ตอนจบ

Like we never had a chance
เหมือนกับว่าเราไม่ได้มีโอกาสเลย

Do you have to make me feel like
เธอจำเป็นต้องทำให้ฉันรู้สึก เหมือนว่า

There's nothing left of me?
ไม่มีอะไรเหลือสำหรับฉันเลย

[Chorus:]
You can take everything I have
เธอจะเอาทุกอย่างฉันมี ก็เอาไป

You can break everything I am
เธอจะพังทลายทุกสิ่งที่ฉันเป็น

Like I'm made of glass
เหมือนฉันเป็นเศษแก้ว (made of = ทำมาจากวัตถุดิบ)

Like I'm made of paper
เหมือนฉันเป็นชิ้นกระดาษ

Go on and try to tear me down
เอาเลย ลองทลายฉันให้ลง

I will be rising from the ground
ฉันจะลุกสูงขึ้นจากพื้นผิวดิน

Like a skyscraper
เหมือนฉันเป็นตึกสูงระฟ้า

Like a skyscraper
เหมือนฉันเป็นตึกสูงระฟ้า

[Verse 2:]
As the smoke clears, I awaken
ขณะที่ควันจาง ฉันก็ตื่นขึ้น

And untangle you from me
ทำให้เห็นความสว่างชัดเจนระหว่างฉันกับเธอมากขึ้น

Would it make you feel better
มันทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นไหมละ

To watch me while I bleed?
ที่เห็นฉันเจ็บปวด (bleed = เลือดใหล)

All my windows still are broken
หน้าต่างของฉันทั่งหลายแตกพังลงก็จริง

But I'm standing on my feet
แต่ฉันยังยืนอยู่บนเท้าของฉันเอง

[Chorus:]
You can take everything I have
เธอจะเอาทุกอย่างฉันมี ก็เอาไป

You can break everything I am
เธอจะพังทลายทุกสิ่งที่ฉันเป็น

Like I'm made of glass
เหมือนฉันเป็นเศษแก้ว

Like I'm made of paper
เหมือนฉันเป็นชิ้นกระดาษ

Go on and try to tear me down
เอาเลย ลองทลายฉันให้ลง

I will be rising from the ground
ฉันจะลุกสูงขึ้นจากพื้นผิวดิน

Like a skyscraper
เหมือนฉันเป็นตึกสูงระฟ้า

Like a skyscraper
เหมือนฉันเป็นตึกสูงระฟ้า

[Bridge:]
Go run, run, run
เอาละ สู้ วิ่ง วิ่ง วิ่ง

I'm gonna stay right here,
ฉันจะอยู่ตรงนี้แหละ

Watch you disappear
มองดูเธอหายไป

Yeah, oh
เย้

Go run, run, run
สู้ วิ่ง วิ่ง วิ่ง

Yeah, it's a long way down
ใช่ มันเป็นหนทางไกลลงไป

But I am closer to the clouds up here
แต่ฉันใกล้กับเมฆข้างบนนี้มากกว่า

[Chorus:]
You can take everything I have
เธอจะเอาทุกอย่างฉันมี ก็เอาไป

You can break everything I am
เธอจะพังทลายทุกสิ่งที่ฉันเป็น

Like I'm made of glass
เหมือนฉันเป็นเศษแก้ว

Like I'm made of paper
เหมือนฉันเป็นชิ้นกระดาษ

Oh Oh
โอ โอ

Go on and try to tear me down
เอาเลย ลองทลายฉันให้ลง

I will be rising from the ground
ฉันจะลุกสูงขึ้นจากพื้นผิวดิน

Like a skyscraper
เหมือนฉันเป็นตึกสูงระฟ้า

Like a skyscraper
เหมือนฉันเป็นตึกสูงระฟ้า

Like a skyscraper
เหมือนฉันเป็นตึกสูงระฟ้า

"ทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่หน่อยเถอะขอร้อง"

Idiom & Expression สำบัด สำนวน;

สวัสดีปีใหม่ครับ ผมแทนครับ เที่ยววันหยุดปีใหม่กันสนุกมั้ยครับ?

เราทุกคนก็แก่ขึ้นอีกหนึ่งปีแล้ว ไม่ว่าจะรู้สึกเปลี่ยนแปลงหรือเหมือนเดิมอย่างไร แต่สภาพจิตใจเรา โดยธรรมชาติแล้ว ก็ต้องพัฒนาด้วยจริงไหมละครับ การปฏิบัติท่าทางก็ต้องโตขึ้น พอดีพอเหมาะเลย กับสำนวนภาษาอังกฤษวันนี้ ผมมีนำมาฝากครับ ง่ายๆ ใช้เมื่อเราต้องการบอกให้ใคร "ทำตัวเป็นผู้ใหญ่หน่อย" หรือ "อย่าทำตัวเป็นเด็กๆ" ภาษาอังกฤษเราสื่อด้วยประโยคคำสั่งนี้ได้ครับ ว่า


Act your age, not your shoes size.


ซึ่งหากเราแปลตามตัว ก็คาดเดาได้ไม่ยากครับ นั่นคือ "ทำตัวให้เหมาะสมกับคนอายุตัวเองหน่อย ไม่ใช่ทำตัวเหมือนคนอายุเท่ากับขนาดรองเท้าตัวเอง"


เพราะว่าขนาดรองเท้านี้ เมื่อซื้อรองเท้าในประเทศไทย ผมคุ้นเคยกับทั้งสองตัวเลขเลย คือผมใส่ไม่เบอร์ 43 ก็เบอร์ 10 อะไรสักเบอร์นี้ละครับ คนขายรองเท้าเขาก็หยิบขนาดนั้นๆที่ผมขอ ที่อังกฤษ อย่างไรก็ตาม จะชัดเจนมาก นั่นคือ ขนาดรองเท้าแบบ UK ครับ ซึ่งมักเป็นตราประทับในรองเท้าส่วนใหญ่ ทั้งเพศชายและหญิงจะมีตั้งแต่ 2.5 -14 สำหรับผู้ใหญ่ครับ สำหรับเด็กก็เล็กน้อยลงมาตามสัดส่วน..


เมื่อเรามองถึงอายุคน ตั้งแต่ 2 ถึง 14 ขวบนี้ ถือว่ายังเป็นเด็กครับ อยากได้อะไรแล้วไม่ได้ก็มักจะงอแง นี่น่าจะเป็นสำนวนนี้ครับ


ลองมาอ่านตัวอย่างการใช้กันครับ


John is 35 years old but his table manner is shameful. He needs to act his age, not his shoes size.
จอห์นอายุ 35 ปีแล้ว แต่มารยาทการกินข้าวบนโต๊ะอาหารของเขามันน่าอับอายมาก เขาจำต้องทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่สมกับวัยเขาหน่อย ไม่ใช่ทำเป็นเด็กๆอายุเท่าขนาดรองเท้าเขาอย่างนี้


It's time for you to get serious and stop being silly. Grow up, pal! Act your age, not your shoe size! (Urban Dictionary)
ได้เวลาจริงจังและเลิกทำเป็นเด็กได้แล้ว โตได้แล้วเพื่อน ทำตัวให้เหมาะสมกับอายุ ไม่ใช่อายุเท่าขนาดรองเท้า (ตัวอย่างจากเว็ป Urban Dictionary)


น่าสนใจดีครับ นำไปใช้ได้จริงเลยครับ ภาษาอังกฤษเรามีสำนวนใช้กันเยอะมากครับ ยิ่งใครที่ต้องสื่อสารทุกวัน ผมแนะนำให้เลือกสรรสำนวนมาใช้ตลอดครับ แล้วบทสนทนาจะไปได้สวย


ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ แล้วเจอกันครับ


Lots of luv,

Than x @ Bristol House
Call 085-164-6105

"ฉันไม่ได้ว่าอะไรคุณนะ"

Idiom & Expression สำบัด สำนวน;


ไม่ได้ว่าใครนะ


ในปัจจุบัน เมื่อเราต้องการพูดเรื่องรอบตัวเรา อาจระมัดระวังไปพาดพิงคนอื่น ภาษาไทยมีคำหนึ่ง เราได้ยินกันบ่อย ว่า "ก็ไม่ได้ว่าอะนะ" หรือ "ไม่ได้ว่าใครนะ" ทำให้ผมนึกถึงคำในภาษาอังกฤษขึ้นมาได้ครับ เราใช้มันเป็นสำนวนพูดเหมือนกันเลยครับ


"No offence" (ออกเสียงว่า "โน ออฟ เฟ้นส์")


โดยที่ offence เป็นคำนาม (noun) แปลว่า การละเมิด การทำให้รู้สึกขุ่นเขืองไม่พอใจ รวมถึงยังหมายถึง ความผิดทางอาญา ด้วยครับ


แน่นอนครับ เราใช้คำพูดนี้ no offence เพื่อบอกว่า สิ่งที่เราจะพูดต่อไปนี้ (หรือในบางกรณี ได้หลุดปากพูดไปแล้ว) เราไม่มีเจตนาจะไปดูถูกดูหมิ่นกลุ่มคนลักษณะใดเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราไม่สนใจว่า ผู้ฟังเรานั้นจะเป็นคนกลุ่มนั้นด้วยหรือเปล่า (คำว่า ไม่สนว่า ของผมนี่ ผมหมายถึง ไม่มีเจตนาคิดพาดพิง นะครับ)


ตัวอย่างเช่น

No offence. But I don't think they will win the race. You're not supporting this team, are you?
ไม่ได้ว่าอะนะ แต่ฉันว่าพวกเขาไม่ชนะการแข่งขันหรอก คุณไม่ได้สนับสนุนทีมนี้ ใช่ไหม?

Love, you need to take a shower. No offence,
ที่รัก เธอต้องอาบน้ำหน่อยนะ ไม่ได้ว่าอะนะ

ภาษาไทยกับภาษาอังกฤษก็มีอะไรคล้ายๆ กันนะครับ เรามาฝึกเก่งภาษาอังกฤษกันตั้งแต่วันนี้ เพื่อจะได้พัฒนาและแข่งขัน และอยู่ร่วมกัน กับระดับนานาชาติได้สบายยิ่งขึ้นครับ

ขอบคุณสำหรับการติดตาม ช่วยกด like และฝาก share ด้วยครับ เพจเราจะได้ปรากฎให้ทุกคนได้เห็นบ่อยขึ้นครับ

Best wishes,

Than x @ Bristol House
Call me 085-164-6105

Monday 15 October 2018

ภาษาอังกฤษแบบ Yoda สุดเจ๋ง

Bristol House's Cool Clip;

ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆ ได้อ่านด้วยนะครับ

ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาได้หยุดหลายวัน ผมจึงมีเวลาดูภาพยนต์ Star War ทั้ง 6 Episodes ครับ ฉากต่างๆ ยังคงตื่นเต้นเช่นเคย เนื้อเรื่องที่เคยดูตอนเด็กๆ แล้วไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ รู้สึกคราวนี้ดูแล้วเข้าใจถึงบทพูดทุกอย่างเลยครับ รวมถึงเรื่องการบ้านการเมืองในอวกาศของดาวต่างๆ และเรื่องคำสอนต่างๆ ที่ทำให้การชมครั้งนี้ รู้สึกได้ความรู้และความฝัน มากกว่าอดีตมากทีเดียวครับ


ที่สำคัญ ผมชอบฟัง Yoda พูดมากเลยครับ ภาษาที่ Yoda พูดนี้ช่างน่าสนใจ เพราะเป็นภาษาอังกฤษเก่าครับ ผมเคยอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเก่าๆบ้าง และลักษณะการเขียนจะไพเราะแบบเก่าๆ เช่นนี้ครับ


โดยส่วนใหญ่ Yoda จะโครงสร้างจะเป็น Object + Subject + Verb. ครับ ที่สำคัญมากกว่านั้น ภาษาแบบนี้ ผมว่ามันทำให้สมาธิเราดีขึ้นด้วย เพราะนอกจากต้องตั้งใจฟัง ยังต้องคอยคิดคู่ไปด้วย สนุกดีครับ


ตัวอย่างบทพูด ในคลิปนี้ จากภาพยนต์ครับ สำหรับท่านที่เคยดู คงจำได้ว่าฉากนี้ คือเมื่อ Yoda สอนวิชาให้ Luke ประมาณว่าให้สามารถทำให้ก้อนหินลอยได้โดยไม่ต้องจับด้วยมือ พอทำได้กับก้อนหินแล้ว Yoda จึงให้ Luke กู้ยานเดินทางที่จมน้ำอยู่ขึ้นมา Luke ก็ท้อแท้ว่าทำไม่ได้ บ่นว่าเพราะใหญ่เกินไป แล้วพวกเขาเริ่นสนทนากันอย่างนี้ครับ ผมขอแปลเป็นไทยไว้ให้เข้าใจเลย


Luke) I can't. It's too big.
ฉันทำไม่ได้ มันใหญ่เกินไป

Yoda) Size matter not. Look at me. Judge me by my size, do you?
ขนาดไม่สำคัญหรอก ดูอาจารย์สิ เจ้าตัดสินอาจารย์ด้วยขนาด ใช่ไหม?

And well you should not. For my ally is the Force. And the power of ally it is.
นั่นแหละ เจ้าไม่ควรตัดสินอย่างนั้น เพราะพันธมิตรของอาจารย์คือพลังอันแข็งแกร่ง และมันคือพลังอำนาจของพันธมิตรนั่นเอง

Life creates it, makes it grow. Its energy surrounds us, and binds us. Luminous being are we, not this crude matter.
ชีวิตสร้างสรรค์มัน ทำให้มันเติบโต พลังงานพวกมันอยู่รอบตัวเรา และรัดมัดพวกเราไว้ เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรืองแสง ไม่ใช่ตัวตนดิบหยาบอย่างนี้

You must feel the Force around you. Here, between you, me, the tree, rock, everywhere. Yes, even between the land and the ship.
เจ้าต้องพยายามรู้สึกถึงพลังรอบตัวเจ้าให้ได้ ที่นี่ ระว่างเจ้า กับอาจารย์ ต้นไม้ ก้อนหิน ทุกที่ ใช่ แม้กระทั่งระหว่างภาคพื้นดินกับเรือด้วย

Luke) You want the impossible.
อาจารย์พูดจะเอาเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้

...

Luke) I don't believe it.
ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย

Yoda) That is why you fail.
นั่นแหละ เจ้าถึงล้มเหลว


ยอดเยี่ยมทีเดียวครับ Yoda นี้เป็น Jedi ผู้มีธรรมะคนสุดท้ายที่เหลือในสงคราม STAR WAR ก่อนที่ Luke จะเป็นคนต่อไปครับ รวมทั้งเนื้อความยังเป็นปรัชญาคำสอนอันล้ำค่า ใครที่ชื่นชอบภาพยนต์เรื่องนี้เหมือนกัน คงจำความสนุกได้นะครับ

Star Wars V: The Empire Strikes Back - "For my ally is the Force " (Force Theme, Yoda's Theme)
http://youtu.be/HMUKGTkiWik

All the best,

Than 
Call 085-164-6105
Than@BristolHouse.net

สำนวนอังกฤษน่าใช้ ที่แปลว่า "ด่วนสรุป" นะครับ

Learn Real English เรียนรู้ภาษาอังกฤษแท้ๆ;

Jump to conclusions หมายถึง "ด่วนสรุป"

ผมมีสำนวนน่าใช้มาฝากเช่นเคยครับวันนี้ ความหมายว่า "ด่วนสรุป" ของภาษาไทยเรา ในภาษาอังกฤษเราใช้ว่า "jump to conclusions" ครับ แปลตรงๆ นั่นคือ "กระโดดไปสู่การสรุปทั้งหลาย" นั่นละครับ อ่านว่า "จั๊มพ์ ทู คอน คลู้ เช๊นส์" ครับ


ขยายความคำว่า "ด่วนสรุป" หรือ "jump to conclusions" เข้าใจได้ว่า เป็นการได้ยินเรื่องราวของผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น แล้วคาดเดาถึงสาเหตุอย่าวเร็ว โดยไม่สืบหาเหตุอื่นทางด้านลึกมาประกอบการพิจารณา ครับ

สำนวนนี้ ในภาษาอังกฤษ ทำหน้าที่เป็น กริยา ในประโยคครับ ตัวอย่างเช่น


Don't jump to conclusions. Wait until you hear what I have to say.
อย่าเพิ่งด่วนสรุป รอจนกระทั่งคุณได้ยินที่ฉันจะอธิบายให้ฟังก่อน

The investigation isn't finished, so let's not jump to conclusions about what caused the plane to crash.
การสืบสวนยังไมเสร็จสิ้น ดังนั้นเราก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตก

It is easy to be jumping to conclusions but I believe we still have a lot to learn about this.
มันง่ายที่จะไปด่วนสรุป แต่ฉันเชื่อว่าเรามีอะไรอีกมากจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้


หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการสื่อสารประจำวันนะครับ

Best wishes,

Than x @ Bristol House
Call 085-164-6105

แปลเนื้อเพลง O Children มาให้อ่านเป็นภาษาไทยเพราะๆ ครับ ส่วนเนื้อหาเพลงลึกๆ ใช้จินตนาการตัวเองมองนะครับ

World of Music;


ผมมานั่งเลือกแล้วครับ สำหรับตอนนี้เป็นเพลงที่ผมชอบฟังที่สุด งั้นแปลเป็นภาษาไทยดีกว่าครับ เพราะแต่ละวัน มีสื่อรอบกาย มีสารพัดเรื่องราวที่จะได้ยิน ได้เห็น แต่บางทีมานั่งคิดว่าคุ้มค่าเวลาหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมว่าเอาไปใช้สร้างสรรค์จินตนาการสิ่งดีๆ กัน ผมว่าจะเหมาะกับผมมากกว่าครับ หนึ่งของแรงบรรดาลใจผมได้มาจากเพลงนี้ครับ เพราะเขียนไว้ก็ลึกซึ้งเกินคำบรรยายด้วย เป็นเพลงประกอบภาพยนต์ Harry Potter And Deadly Hallows I ในเนื้อเพลงมีนัยมากมาย หากผมแปลตามที่ผมเข้าใจซะหมด แล้วเดี๋ยวคุณผู้อ่านอาจไม่ได้ใช้จินตนการคิดเองได้ ผมจึงแปลตรงๆ ตามตัว ตามสำนวนภาษาอังกฤษนะครับ ไว้เรียนรู้ภาษาอังกฤษกัน คิดเห็นอย่างไรก็แชร์กันนะครับ ขอบคุณครับ

Lots of luv,

Than x @ Bristol House

========
O Children - Nick Cave and the Bad Seeds
http://youtu.be/_0dq6SL8WRc

Pass me that lovely little gun
ส่งปืนอันเล็กน่ารักอันนั้นให้ฉันหน่อย

My dear, my darling one
ที่รัก คนดีของฉัน

The cleaners are coming, one by one
คนทำความสะอาดกำลังมาแล้ว ทีละคน

You don't even want to let them start
แล้วเธอไม่อยากให้พวกเขาเริ่มแน่

They are knocking now upon your door
พวกเขากำลังเคาะประตูของเธอ

They measure the room, they know the score
พวกเขาวัดขนาดห้อง พวกเขารู้ตัวเลข

They're mopping up the butcher's floor
พวกเขาก็กำลังถูพื้นของคนฆ่าเนื้อขาย

Of your broken little heart
ของดวงใจอันแตกร้าวน้อยของเธอ

O children
โอ้ เด็กๆ เอ๋ย

Forgive us now for what we've done
ให้อภัยเราด้วย สำหรับสิ่งที่เราได้ทำลงไป

It started out as a bit of fun
ตอนแรกมันก็เริ่มทำไปเพียงเพราะความสนุก

Here, take these before we run away
เอานี่ไปด้วย ก่อนที่เราจะหนีไป

The keys to the gulag
กุญแจไปสู่คุกเรือนจำ

O children
โอ้ เด็กๆ เอ๋ย

Lift up your voice, lift up your voice
เอ่ยเสียงของพวกเธอหน่อย เอ่ยเสียงของพวกเธอหน่อย

Children
เด็กๆ เอ๋ย

Rejoice, rejoice
ให้มีสุขปลื้มปิติ ให้มีสุขปลื้มปิติ

Here comes Frank and poor old Jim
นี่มาแล้วไง แฟร็ง์กับจิมผู้น่าสงสาร

They're gathering round with all my friends
พวกเขารวมตัวเจอกันกับเพื่อนๆของฉัน

We're older now, the light is dim
เราก็แก่มากแล้วตอนนี้ แสงไฟก็มัวๆ

And you are only just beginning
แต่ เธอนั้นเพิ่งจะเริ่มต้นเอง

O children
โอ้ เด็กๆ เอ๋ย

We have the answer to all your fears
พวกเรามีคำตอบอธิบายเรื่องความกลัวทั้งหลายของเธอ

It's short, it's simple, it's crystal clear
มันสั้น มันง่าย มันชัดเหมือนแก้วคริสตอล

It's round about, it's somewhere here
มันคือวงเวียน มันอยู่ที่ไหนสักแห่งที่นี่

Lost amongst our winnings
ที่หลงอยู่ท่ามกลางผู้ชนะของเรา

O children
โอ้ เด็กๆ เอ๋ย

Lift up your voice, lift up your voice
เอ่ยเสียงของพวกเธอหน่อย เอ่ยเสียงของพวกเธอหน่อย

Children
เด็กๆ เอ๋ย

Rejoice, rejoice
ให้มีสุขปลื้มปิติ ให้มีสุขปลื้มปิติ

The cleaners have done their job on you
พวกคนทำความสะอาดเขาจัดการคุณสำเร็จละ

They're hip to it, man, they're in the groove
พวกเขาก็ทำเก่งไปได้ เพื่อนเอ่ย พวกเขาทำจนกระทั่งปรับได้ดี

They've hosed you down, you're good as new
พวกเขาชำระล้างเธอซะ เธอก็ดีเหมือนใหม่

And they're lining up to inspect you
แล้วพวกเขาก็เข้าแถว จะมาตรวจสอบเธอ

O children
โอ้ เด็กๆ เอ๋ย

Poor old Jim's white as a ghost
จิมผู้น่าสงสารตัวซีดขาวอย่างกับแกะ

He's found the answer that we lost
เขาพบคำตอบที่เราหาไม่เจอ

We're all weeping now, weeping because
พวกเราต่างพากันร้องไห้ ร้องไปก็เพราะ

There ain't nothing we can do to protect you
เราไม่สามารถทำอะไรเพื่อเพื่อปกป้องเธอได้เลย

O children
โอ้ เด็กๆ เอ๋ย

Lift up your voice, lift up your voice
เอ่ยเสียงของพวกเธอหน่อย เอ่ยเสียงของพวกเธอหน่อย

Children
เด็กๆ เอ๋ย

Rejoice, rejoice
ให้มีสุขปลื้มปิติ ให้มีสุขปลื้มปิติ

Hey little train! We're all jumping on
เฮ้ รถไฟน้อยนั้น พวกเราจะขึ้นไปนั่งด้วย

The train that goes to the Kingdom
รถไฟที่จะไปสู่ราชอาณาจักร

We're happy, Ma, we're having fun
พวกเราสนุกสนานมาก แม่ พวกเราสนุกกัน

And the train ain't even left the station
แต่ รถไฟยังไม่ได้แม้จะออกจากสถานีด้วยซ้ำไป

Hey, little train! Wait for me
เฮ้ รถไฟน้อย รอฉันด้วย

I once was blind but now I see
ฉันเคยตาบอดมาก่อน แต่ตอนนี้ฉันมองเห็นแล้ว

Have you left a seat for me
เธอได้เหลือที่นั่งไว้ให้ฉันไหม?

Is that such a stretch of the imagination
นั่นคือ การใช้จินตนาการ สักหน่อย นั่นเอง

Hey little train! Wait for me!
เฮ้ รถไฟน้อย รอฉันมี

I was held in chains but now I'm free
ฉันเคยถูกจับอยู่ในห่วงลูกโซ่ แต่ตอนนี้ฉันเป็นอิสระแล้ว

I'm hanging in there, don't you see
ฉันกำลังสู้อยู่ เธอเห็นไหม

In this process of elimination
ในกระบวนการของการกำจัดออก นี้

Hey little train! We're all jumping on
เฮ้ รถไฟน้อย เราจะขึ้นไปด้วย

The train that goes to the Kingdom
รถไฟที่ไปถึงราชอาณาจักร

We're happy, Ma, we're having fun
พวกเรามีความสุข แม่ เรากำลังสนุกกัน

It's beyond my wildest expectation
มันเกินกว่าที่ได้คาดหมายไว้มากมายนัก

Hey little train! We are all jumping on
เฮ้ รถไฟน้อย เราจะขึ้นไปด้วย

The train that goes to the Kingdom
รถไฟที่จะไปถึงราชอาณาจักร

We're happy, Ma, we're having fun
เรามีความสุข แม่ เรากำลังสนุกกัน

And the train ain't even left the station
แล้ว รถไฟยังไม่ได้ออกจากสถานีเลยด้วยซ้ำไป

Hey little train! Don't wait for me
เฮ้ รถไฟน้อย ไม่ต้องรอฉันหรอก


Opposite นะครับ ไม่ใช่ Website

ภาษาอังกฤษใกล้ตัว;

Opposite ไม่ใช่ Website


จุดประสงค์ที่ผมเขียนเรื่องราวความรู้ภาษาอังกฤษที่นี่ โดยบางทีมีคลิปที่พบเจอมา ก็จะแนบไว้ด้วย เพราะผมมีเจตนาอยากให้ผู้อ่านได้เพิ่มประสบการณ์ของภาษาอังกฤษจริงๆ ครับ เพื่อให้ได้รู้สึกว่า "คุ้นเคย" กับภาษาอังกฤษที่ถูกต้องครับ


อย่าลืมกด like และแชร์กันต่อไปด้วย social media ที่คุณมีด้วยนะครับ ใช้เวลาไม่นานก็จะกระจายข่าวสารความรู้นี้ไปได้ในวงกว้างครับ ช่วยกันหน่อยครับขอบคุณครับ


รูปคำภาษาอังกฤษนั้น กรณีบ่อยครั้งมาก ที่รูปมันคล้ายๆ กัน เราคาดว่ามันน่าจะออกเสียงเหมือนกัน แต่ความจริงมันไม่ใช่ครับ มันออกเสียงคนละอย่างกัน

ตัวอย่างเช่นวันนี้ ได้ยินบางคนพูดคำว่า opposite (แปลว่า "ตรงข้าม" ทำหน้าที่เป็น Preposition หรือในบางกรณี เป็น Adverb, Adjective ได้ครับ) ได้ยินออกเสียงผิดบ่อยๆ ว่า "ออฟ โพ ไซต์" ครับ

ที่ถูกต้อง ต้องอ่านว่า "ออพ โพ สิท" เน้นเสียงพยางค์แรก "ออพ" นะครับ โดยผมขอย้ำอีกครั้งว่า พยางค์หลัง ตัว site อ่านเป็น "สิท" นะครับ (ไม่ใช่ "ไซต์" เหมือนคำว่า Website ซึ่งเป็นคำคุ้นหูคุ้นตาครับ)

ยิ่งไปกว่านั้น opposite แปลว่า "ตรงกันข้าม" ใช้บอกตำแหน่ง แต่ก็ยังมีกรณีใช้ผิดบ่อยๆ โดยบางคนใส่ to ตามหลังไปด้วย


ตัวอย่างที่ผิด เช่นพูดเป็น opposite to the school (ออพ โพ สิท ทู เธอะ ส-คูล) ไม่ทราบว่าไปเคยชินที่ไหนมาครับ นอกจากนี้ ลักษณะคำถามในข้อสอบแบบนี้ก็มีเยอะนะครับแบบนี้

ที่ถูกต้อง เราใช้ opposite แล้วตามด้วยคำนามเลยครับ
เช่น
The school is opposite the hospital.
โรงเรียนอยู่ตรงข้ามกับโรงพยาบาล

Adam was sitting opposite his friend at the dinner table.
อดัมนั่งอยู่ตรงข้ามกับเพื่อนของเขาขณะนั่งทานข้าวเย็นกัน

**
หรืออีกกรณีหนึ่ง เมื่อเราต้องการใช้คำ opposite ในหน้าที่ adjective เราจะก็วางไว้หน้าคำนามที่ต้องการจะขยายครับ ตัวอย่างเช่น
the opposite street แปลว่า ถนนเส้นตรงข้าม

หรือ opposite direction แปลว่า ทิศทางที่ตรงกันข้ามครับ

เราก็นำไปใส่ประโยคใดๆ ที่ต้องการให้สมบูรณ์ตามหลักไวยากรณ์ได้ครับ .. อย่าลืมการออกเสียงก็สำคัญมากมายนะครับ ฝึกเคยชินแบบที่ถูกไว้ พูดแล้วก็ฟังเข้าใจได้เลยในทีเดียวครับ

ขอบคุณสำหรับการอ่านและติดตามครับ 

อย่าลืมแชร์และบอกต่อนะครับ

Best wishes,

Than x @ Bristol House
Call 085-164-6105

แปลเพลงเก่าเพราะๆ Have I told you lately เป็นภาษาไทยเข้าใจได้อย่างงดงาม

World of Music;

ฟังเพลงเก่าๆ กันนะครับ มีใครไม่รู้จักเพลงนี้ Have I told you lately โดย Rod Stewart ครับ? ดีจังที่ยังคงจรรโลงใจได้เหมือนเดิม ทุกครั้งที่ฟัง ..

เราสามารถเรียนรู้การใช้ present perfect tense จากประโยคชื่อเพลงนี้นะครับ โดยทำเป็นโครงสร้างประโยคคำถาม

นั่นคือขึ้นด้วย Have/has + Sub + V/3 + ..... ?
โดยมี adverb คำนี้ในเพลง lately แปลว่า ช่วงที่ผ่านมานี้ ไม่นานมานี้ จึงมีการยืดของช่วงเวลาสักหน่อย จึงใช้กับ present perfect tense เสมอละครับ

เรียนรู้ความหมายของเนื้อเพลงเป็นภาษาไทยที่แทนแปลมานี้นะครับ น่าจะเป็นประโยชน์บ้างครับ

ช่วยแขร์และบอกต่อกับเพื่อนๆ คุณด้วยครับ

Lots of luv,

Than x @ Bristol House

====
Rod Stewart - Cover Song - Have I Told You Lately - released June 1993
http://youtu.be/AQ4NAZPi2js

Have I told you lately that I love you?
ฉันได้บอกเธอบ้างไหม พักนี้ ว่าฉันรักเธอ

Have I told you there's no one else above you?
ฉันได้บอกเธอบ้างไหม ว่าไม่มีใครอยู่เหนือเธอหรอก

Fill my heart with gladness, take away all my sadness
เติมหัวใจฉันด้วยความปลื้มปิติ นำพาความเศร้าโศกของฉันทั้งหลายออกไป

Ease my troubles, that's what you do
ช่วยทำให้ปัญหาของฉันหายไป นั่นแหละที่เธอทำ

For the morning sun in all it's glory
เพราะว่าพระอาทิตย์ยามเช้ากับความสุขสันต์ยินดีของมัน

Meets the day with hope and comfort too
มาพบประจบวันพร้อมด้วยกับความหวังและความสบายใจ

You fill my life with laughter, somehow you make it better
เธอทำให้ชีวิตฉันเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ บางทีเธอทำให้มันดียิ่งกว่าอีก

Ease my troubles, that's what you do
ทำให้ปัญหาของฉันหายง่ายลงไป นั่นแหละที่เธอทำ

There's a love that's divine
มันมีรักอันประเสริฐ

And its yours and its mine
และมันก็เป็นของเธอ และของฉัน

Like the sun
ดั่งพระอาทิตย์

And at the end of the day
และในที่สุดแล้ว

We should give thanks and pray
เราก็ควรให้การขอบคุณและภาวนา

To the one, to the one
ให้กับผู้ถูกลิขิตมานั้น ผู้ถูกลิขิตมานั้น

Have I told you lately that I love you?
ฉันได้บอกเธอหรือเปล่า ช่วงนี้ ว่าฉันรักเธอ

Have I told you there's no one else above you?
ฉันได้บอกเธอหรือเปล่า ว่าไม่มีใครเหนือเธอ

Fill my heart with gladness, take away all my sadness
เติมเต็มหัวใจฉันด้วยความปลื้มปิติ นำเอาความเศร้าโศกของฉันออกไป

Ease my troubles, that's what you do
ทำให้ปัญหาของฉันง่ายลง นั่นแหละคือสิ่งที่เธอทำ

There's a love that's divine
มันมีรักอันประเสริฐ

And its yours and its mine
และมันก็เป็นของเธอ และของฉัน

Like the sun
ดั่งพระอาทิตย์

And at the end of the day
และในที่สุดแล้ว

We should give thanks and pray
เราควรให้การขอบคุณและภาวนาอธิฐาน

To the one, to the one
ให้กับผู้ถูกลิขิตมา ผู้ถูกลิขิตมานั้น

Have I told you lately that I love you?
ฉันได้บอกเธอหรือเปล่า ช่วงที่ผ่านมาไม่นานนี้ ว่าฉันรักเธอ

Have I told you there's no one else above you?
ฉันได้บอกเธอหรือเปล่าว่าไม่มีใครเหนือเธอไปได้

Fill my heart with gladness, take away all my sadness
เติมเต็มหัวใจฉันด้วยความปลื้มปิติ นำพาเอาความโศกเศร้าของฉันออกไป

Ease my troubles, that's what you do
ทำให้ปัญหาของฉันง่ายลงได้ เธอทำอย่างนั้นจริงๆ

Take away all my sadness, fill my life with gladness
นำเอาความโศกเศร้าของฉันออกไป เติมเต็มหัวใจฉันด้วยความปลื้มปิติ

Ease my troubles, that's what you do
ทำใหัปัญหาของฉันดูง่ายลง เธอทำอย่างนั้นจริงๆ


แปลเพลง Goodbye Again Vertical Horizon

World of Music;

เพลงนี้ความหมายดีๆ ผมมาแปลเป็นภาษาไทย สำหรับใครที่ไม่ชอบการจากลาครับ เนื้อเพลงเขาว่าอย่างไรลองอ่านและเรียนรู้ภาษาอังกฤษดู ส่วนดนตรีแนว Pop Rock แบบนี้ ก็เป็นที่ชื่นชอบต่อผมโดยเฉพาะอยู่แล้ว หวังว่าจะฟังแล้วก็ชอบกันด้วยนะครับ ไพเราอมตะทีเดียวเชียว

Lots of luv,

Than x @ Bristol House

========
"Goodbye Again" - Vertical Horizon
http://youtu.be/xhiio9KjDAI

I'm on the outside, looking in
ฉันออกมาอยู่ข้างนอก มองเข้าไปข้างใน

What do I see?
ฉันเห็นอะไรนะเหรอ?

So much of this left to begin
มีอะไรเหลืออยู่ให้เริ่มใหม่เยอะมากมาย

Where would I be?
ฉันจะไปที่ไหนนะเหรอ?

I'm on the outside, looking in
ฉันออกมาอยู่ข้างนอก แล้วมองเข้าไปข้างใน

Cover me through this night
ห่มฉันตลอดค่ำคืนนี้

Guess I don't know what's, left to say
เดาได้ว่า ฉันก็ไม่รู้ว่ามีอะไรเหลือที่จะพูด

But hear me out
แต่ทนรอฉันสักหน่อย

All of the dreams of, yesterday
ความฝันทั้งหลายของฉัน เมื่อวานนี้

Keep breaking me down
มันยังคงทำให้ฉันพังทลายอยู่

What's on the outside, can you say
อะไรที่เห็นอยู่ภายนอก เธอบอกได้ไหม

Or am I getting carried away
หรือว่าฉันกำลังเคลิบเคลิ้มซึ้งเกินไป

It's in your mind
มันอยู่ที่ใจเรา

It's in your eyes
มันอยู่ที่ตาเรา

So it's goodbye again
ดังนั้น มันก็คือการลาจากกัน อีกครั้ง

It's way past time
เป็นเรืองหนทาง เวลาต้องล่วงผ่าน

For one last try
เพื่อการลองดูเป็นครั้งสุดท้าย

So it's goodbye again
นั่นก็คือ การจากลากัน อีกครั้ง

Goodbye... again
ลาจากกัน อีกครั้ง

I'm getting on, what's the use
ฉันก็ใช้ชีวิตได้อยู่ เพื่อประโยชน์อะไร

You know how I get
เธอก็รู้ว่าฉันเข้าใจอย่างไง

I can't decide which is the truth
ฉันยังตัดสินใจไม่ได้ว่าอะไรคือความจริง

At least not yet
อย่างน้อย ตอนนี้ยัง

I got the feeling, it's you
ฉันมีความรู้สึกอย่างนึง มันคือเธอ

What can be said, alone in this room
อะไรก็พูดได้ อยู่ในห้อง คนเดียวนี้

No...
ไม่จริงเหรอ

It's in your mind
มันอยู่ที่ใจเรา

It's in your eyes
มันอยู่ที่สายตาเรา

So it's goodbye again
งั้นก็ ลาจากกัน อีกครั้งนึง

It's way past time
เป็นเรืองหนทาง เวลาต้องล่วงผ่าน

For one last try
เพื่อการลองดูเป็นครั้งสุดท้าย

Who wants you now?
แล้วคราวนี้ ใครเขาจะต้องการฉันละ?

Maybe somebody else
บางที อาจะมีคนอื่นบางคน

I'll wait around
ฉันจะรอคอยอยู่แถวนี้

Maybe you'll forget you were ever here
บางที เราคงจะลืมว่าเราเคยอยู่ที่นี่

Maybe forget you were ever, never here
บางที เราคงจะลืมได้ ว่าเราไม่เคยอยู่ที่นี่

I'm on the outside, looking down
ฉันลองออกมาข้างนอก แล้วก้มมองลงดู

What do I see?
แล้วฉันเห็นอะไร?

So much of this cold, in the ground
มีความหนาวเหน็บอยู่มากนัก บนผิวพื้น

Where would i be?
ฉันจะไปที่ไหนได้?

On the outside, looking down
ลองออกมาข้างนอก แล้วมองลงดู

Cover me before you go
ปกปิดฉันไว้ก่อนที่เธอจะจากไป

It's in your mind
มันอยู่ที่ใจเรา

It's in your eyes
มันอยู่ที่สายตาเรา

So it's goodbye again
นั่นก็คือ การลาจากกัน อีกครั้งนึง

It's way past time
เป็นหนทางของกาลเวลาที่ผ่านล่วงไป

For one last try
เพื่อลองดูอีกเป็นครั้งสุดท้าย

So it's goodbye again
แล้วก็จบด้วยการลาจากกัน อีกครั้งนึง

Your falling out,
เธอก็หลุดล่องออกไป

I'm falling in
ตัวฉันก็สวมเข้ามา

So it's goodbye again
แล้วก็จบด้วยการลาจากกัน อีกครั้งนึง

It's way past time
เป็นหนทางของการผ่านล่วงเวลา

For one last try
เพื่อลองดูอีกเป็นครั้งสุดท้าย

So it's goodbye... again
แล้วก็ต้องลาจากกัน อีกครั้งนึง

So it's goodbye again
แล้วก็ต้องลาจากกัน อีกครั้งนึง


สำนวน in the cards

Idiom & Expression สำบัด สำนวน;

สวัสดีครับทุกคนที่รักภาษาอังกฤษ ขอบคุณครับที่อ่านบล๊อกผมมาตลอด ผมหวังว่าประโยขน์ของการใช้ภาษาอังกฤษกับคนทั่วโลกได้อย่างถูกต้องจะเกิดขึ้นกับทุกคนที่อ่านครับ 

หากคุณผู้ฟังคุณผู้อ่านชอบบทความที่ผมเขียนแล้วละก้อ ช่วยกันส่งต่อทาง social media ต่างๆของคุณๆ นะครับ ขอบคุณที่ช่วยแชร์ช่วยบอกต่อกันครับ 


วันนี้มาสำบัดสำนวนแบบชาวอังกฤษกันดีกว่าคับ เราใช้ภาษาอังกฤษหลายประเทศทั่วโลก ดังนั้นเหล่าสำนวนพวกนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากจะใช้กับเจ้าของภาษาจริงๆ ครับ คำที่ผมเรียนรู้และมานำเสนอวันนี้ ผมก็ไม่ทราบที่มาเหมือนกันครับ ผมใช้จินตนาการ ก็พอเข้าใจได้ครับ

นี่คือคำว่า "in the cards" หรือถ้าแปลตรงตามตัวนี้ก็ "อยู่บนบัตร" ผมมองว่า คงหมายถึง "อะไรอยู่ในไพ่" นะครับ

น่าสนใจนะครับ ใครชอบเล่นไพ่ ใครชอบลุ้นๆๆ  


ซึ่งทำให้เข้าใจได้ว่า สำนวนนี้ ในภาษาอังกฤษเราใช้สื่อ 2 ความหมายครับ

ความหมายแรก ..

1. แปลว่า "ให้รอดู ในเร็วๆ นี้" ครับ ดีไหมละครับ ต่อไปนี้เราก็ใช้ in the cards ได้ครับ ตัวอย่างเช่น

Your work is in the cards.
มีงานรอคุณทำอยู่


I asked my boss if there was a raise in the cards for me?
ฉันก็ถามหัวหน้าฉันว่ามันจะมีการขึ้นเงินเดือนให้ฉันในเร็วๆ นี้ให้ได้เห็นบ้างไหม?


ความหมายที่สองครับ ..

2. แปลว่า "น่าจะเกิดขึ้นมากๆ" ครับ ก็ถ้าใจอยากจะสื่อว่า very likely ผมว่าเราก็ใช้สำนวนนี้ซะเลยครับ ไพเราะ ยอดเยี่ยม ไม่เหมือนใคร เราก็เป็นเพื่อนฝรั่งได้ง่ายๆ เมื่อสื่อสารได้ถึงใจอย่างนี้ ตัวอย่างการใช้ นะครับ

With regards to my job application, I have got a replied email which states that my name is in the cards.
เกี่ยวกับเรื่องการสมัครงานของฉัน ฉันได้รับอีเมล์ตอบกลับมาซึ่งมีข้อความว่าชื่อของฉันน่าจะถูกรับเข้าทำงานอย่างแน่มากๆ


Sources widely said that tax cut is in the cards.
แหล่งข่าวเขาพูดกันอย่างกว้างขวางว่าการตัดลดภาษีกำลังจะเกิดขึ้น


ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ แล้วเจอกันโพ้สหน้า ในคราวต่อไป ขณะนี้ก็นำสำนวนไปใช้กันบ่อยๆ กระทั่งใช้ได้คล่องแคล่ว และถูกต้องนะครับ ฝากกดไลค์ ฝากแชร์ และบอกต่อด้วยครับ จะได้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นที่สนใจภาษาอังกฤษดีๆครับ ขอบคุณครับ

แล้วก็สิ่งที่ที่สำคัญที่สุดของเรา อย่าลืมนำสำนวน in the cards วันนี้ไปใช้กันนะครับ

Lots of luv,

Than x @ Bristol House
Call 0851-64-6105

สำนวน "ตด" ภาษาอังกฤษ

British Slang แสลงอังกฤษ;

วันนี้ อากาศเมืองไทยร้อนแล้ว ผมขอไม่เครียยด คุยกันเรื่องใกล้ตัว คุยกันเรื่อง "ผายลม" หรือ "ตด" ดีกว่าครับ ขำขันดี ผมเลยว่าจะเล่าถึงสแลงอังกฤษคำว่า "ตด" นี้ให้ฟังกัน


แน่นอนครับ ภาษาอังกฤษเราใช้ กริยา to fart ซึ่งอ่านว่า "ฟาร์ท" ตัวนี้จะอังกฤษแบบอังกฤษ หรืออเมริกัน ก็ออกเสียงสระ เป็น สระ "อา" ทั้งหมดนะครับ เพราะมันมีตัว r ควบอยุ่ด้วย จึงไม่จำต้องออกเสียงเป็น "แอ" ซึ่งจะไปผิดเพี้ยนไป


แล้วสแลงภาษาอังกฤษของคำนี้ เราใช้ว่า "pop off" ครับ อ่านว่า พ๊อพ์ ออฟ์

ตัวอย่างการใช้ นะครับ

Did you hear someone just popped off quite loudly?
คุณได้ยินเสียงใครตดไหม ดังมากเลย?

Even thought she is a woman, never is she embarrassed when she wants to pop off.
แม้เธอจะเป็นผู้หญิง แต่ไม่เค้ยไม่เคยที่เธอจะอายเวลาเธออยากจะตดขึ้นมา

พอเข้าใจ และจำได้แล้วใช่ไหมครับ? คิดเห็นอย่างไร ส่งข้อความทิ้งไว้นะครับ


Have a wonderful day,

Than x @ Bristol House
Call 085-164-6105

ประชาสัมพันธ์ ติว ENG1001 ของม.รามคำแหง ออนไลน์ วันนี้

Bristol House News;


ฝากประชาสัมพันธ์ครับ ติว ENG1001 กับแทนเองครับ ดูวีดีโอสตรีมออนไลน์ได้จากทุกที่ เนื้อหาตะลุยโจทย์ พร้อมหลักทำข้อสอบ ให้เก่งจริง อย่างยั่งยืนครับ


วีดีโอเป็นคุณภาพ Full HD ดังนั้นต้องมีอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในการชมนะครับ


ติวออนไลน์ วันนี้

http://www.bristolhouse.net/reg_onlinecourse.php


ติดต่อ 085-164-6105


ขอให้เด็กรามเก่งอังกฤษกันถ้วนหน้าครับ //แทน บริสตอลเฮ้าส์

Present Simple VS Present Continuous

Grammar เป๊ะ!!


2 Tense ระหว่าง Present Simple กับ Present Continuous เราใช้แตกต่างกันเสมอนะครับ ภาษาอังกฤษผันและดิ้นกันมากมายตามประสงค์ที่เราต้องการจะสื่อ นี่จืงเป็นหลักสำคัญมากที่เราต้องผันให้ถูกต้อง สำหรับผู้กำลังพัฒนาภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐาน เวลาปฏิบัติจริง ต้องแยกระหว่าง 2 Tense นี้ให้ออกนะครับ


Present Simple ฟอร์มของมัน คือ "V/1" โดยผันตามประธาน เพื่อบอกครับ ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น "อย่างถาวร" "เป็นจริง" "เป็นนิสัย" หรือ "เป็นประจำ"


ถ้าประธานเป็น He, she, it, หรือบุคคลที่ 3 คนเดียว หรือเอกพจน์หนึ่งจำนวน ใช้กริยาที่เติม s ไม่ก็ es ตามพื้นฐานดั่งเดิมครับ
ถ้าประธานเป็น You, we, they หรือบุคคล หรือสิ่งใด ที่หลายจำนวนตั้งแต่ 2 ขึ้นไป ใช้กริยาช่อง 1 โดยไม่เพิ่มเติมใดๆ ครับ
ถ้าประธานเป็น I หากต้องใช้กับกริยาแท้ ก็ใช้รู้ธรรมดา ไม่เติมใดๆ ครับ ถ้าต้องเป็น verb to be เราใช้ 'am' นั่นเอง


เช่นว่า
Susan loves learning new things.
ซูซานชอบเรียนรู้สิ่งใหม่

Thomas never comes to class late.
โทมัสไม่เคยมาเรียนสาย

They are lovely people.
พวกเขาเป็นคนน่ารัก


**** ****
Present Continuous มีฟอร์ม คือ "verb.to.be + Ving" โดยผัน verb.tobe ตามประธานครับ เราใช้ Tense นี้ในภาษาอังกฤษ เพื่อบอกว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้น "ชั่วคราว" "กำลังเกิดขึ้นขณะพูดนี้ และจะจบลง" หรือ "กำลังทำอยู่ ณ ตอนนี้ที่พูด" ครับ

ผัน Agreement of subject and verb ตรงนี้ ให้สัมพันธ์กันระหว่างประธานกับ verb to be ตัวแรกตัวเดียวครับ ได้ว่า
ถ้าประธานเป็น He,she, it หรือบุคคลที่ 3 ที่เป็นเอกพจน์ เราใช้ คำว่า is
ถ้าประธานเป็น You, we, they, หรือบุคคลที่ 3 ที่เป็นพหูพจน์ เราใช้คำว่า are
ถ้าประธานเป็น I เราจะมีความพิเศษบอกหน่อย โดย verb to be ที่ใช้คือ am นั่นเองครับ

เช่นว่า

Andrew is discussing his points.
แอนดรูกำลังอภิปรายเรื่องประเด็นของเขาอยู่

We are going to London.
พวกเรากำลังไปลอนดอนกัน

They are studying English with their friends at the moment.
พวกเขากำลังเรียนภาษาอังกฤษกับเพื่อนเขาอยู่ตอนนี้

**** ****
ตัวที่ใช้ประกอบคู่กับ Tense เราเรียกว่า adverb of time ครับ มักนิยมใช้คู่กันดังนี้ครับ

Adverb ของ Present Simple มีดังนี้
once a… (เกิดขึ้นทุกหนึ่งครั้ง ในเวลา.....)
once every ... (ทุกๆ ___ ครั้ง)
sometimes (บางครั้ง)
three times a…(เกิดขึ้น 3 ครั้งทุกๆ ____เวลา)
twice a…(เกิดขึ้น 2 ครั้ง ทุกๆ________เวลา)
usually (ปกติแล้ว)
… a day ( เกิดขึ้น ___ต่อวัน)
… a month (เกิดขึ้น____ต่อเดือน)
… a week (เกิดขึ้น____ต่อสัปดาห์)
… a year (เกิดขึ้น____ต่อปี)
always (เสมอ)

ส่วน adverb ของ Present Continuous เช่นดังนี้ครับ
(right) now (ขณะนี้)
at the moment (ตอนนี้)
at… o’clock (ตอน กี่โมง ชั่วคราว)
currently (ณ ตอนนี้)
presently (ในปัจจุบันนี้)
in fall/ in autumn (ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ชั่วคราว)
in spring (ในฤดูใบไม้พลิ ชั่วคราว)
in summer (ในฤดูร้อน ชั่วคราว)
in the afternoon (ในตอนกลางวัน ชั่วคราว)
in the evening (ในตอนเย้น ชั่วคราว)
in the morning (ในตอนเช้า ชั่วคราว)
in winter (ในฤดูหนาว ชั่วคราว)

พอเราเข้าใจพื้นฐานนี้แล้วก็ใช้ง่าย สบายครับ ยิ่งถ้าเป็นในข้อสอบ ก็ตอบถูกได้ไม่ยากครับ ระหว่าง 2 กาลเวลา แต่ยังไงขอให้ตรวจดู บริบท ของประโยคอีกทีนะครับจะจำไปหมดเลยว่า adverb ตัวนี้ใช้กับ Tense นี้ เสมอไปคงไม่ได้คับ ต้องดูว่า บริบทประโยคเป็นเรื่อง ถาวร (Present Simple ) หรือ ชั่วคราว(Present Continuous) นะครับ สำคัญมากครับ

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ

Best wishes,

Than x @ Bristol House
Call 085-164-6105

Way to go VS A Long Way To Go

Idiom & Expression สำบัด สำนวน;

Way to go VS A long way to go


วันนี้ผมมี 2 สำนวนน่าสนใจ มาฝากก่อนไปเที่ยวสงกรานต์กันครับ เด่วจะมีการเดินทางกันเกิดขึ้นมากช่วงนี้ ช่วงหยุดยาวนี้ เที่ยวกันสนุกแล้ว ขอเชิญเข้ามาเรียนภาษาอังกฤษกับผมได้ครับ สำหรับท่านที่สนใจ ผมจะรอรับโทรศัพท์อยู่นะครับ สำหรับท่านที่มีคำถาม เรื่องต้องการลงเรียนพิเศษที่โรงเรียนบริสตอลเฮ้าส์ ทั้งสองสาขา ภาษาอังกฤษกับผม หรือวิชาวิศวกรรมกับพี่โฟม (อาจารย์วทัญญู) ก็ติดต่อได้ครับ หรือคอร์สออนไลน์ที่เปิดสอนอยู่ มีคำถามใดๆ โทรเข้ามาได้ครับที่ 085-164-6105 หากรับไม่ทันจะตอบกลับภายใน 24 ชั่วโมงครับ


สำนวนที่ว่านี้ มีรูปร่างคล้ายๆกัน เกี่ยวกับการเดินทางครับ สำหรับผู้ที่มีเพื่อนฝรั่งก็สบายเลย ได้ฝึกภาษาอังกฤษกับเพื่อนได้เป็นปกติประจำวัน นำสำนวนไปใช้ได้เต็มที่ อย่างไรก็ตาม ผมแนะนำเสมอครับ ว่ากับตัวเราเอง เราก็ฝึกภาษาอังกฤษได้นะคับ เช่นอ่านหนังสือ ฝึกพูด ฝึกฟังตัวอย่างต่างๆ


หลายครั้งนัก เวลาผมอยู่ที่สาธารณะ พบเห็นคุณพ่อคุณแม่ พยายามพูดกับลูกน้อยเป็นภาษาอังกฤษแบบคำๆ โดดๆ คงเป็นเจตนาดีให้ลูกสนใจภาษาอังกฤษ เช่นวันก่อนเห็น "หมา" ก็สอนลูกว่า "dog" วันก่อนเห็น "ประตู" ก็บอกให้ลูกพูด "door" น่ารักเชียวครับ ผมเองก็พูดกับเพื่อนๆ หรือพี่-น้อง นักเรียน รวมถึงสัตว์เลี้ยงใหญ่น้อย ผมก็ใช้ภาษาอังกฤษครับ เข้าใจหรือไม่ ผมก็ได้ส่งสาร ได้ประมวลความคิดในหัวเราแล้วละครับ


และยังมีคุณพ่อคุณแม่หลายท่านขอคำแนะนำผมว่า จะให้ลูกเก่งอังกฤษนั้นทำอย่างไรดี ผมมีแนะนำไปเสมอครับ ว่าควรสร้างเป็นประโยคสั้นๆ ด้วยพื้นฐานที่ถูกต้อง พูดกับลูกๆ ก็จะดีมากเลยครับ อาจจะหาหนังสือภาษาอังกฤษสำหรับเด็กมาอ่าน มาสอนลูกก็ได้ครับ เพราะทั้งหลายทั้งปวงแล้ว คำโดดๆ มันไม่ได้สื่อเรื่องราวนะครับ นั่นคือ การเรียนภาษาอังกฤษนี้ เพื่อไว้สื่อสารเป็นเรื่องเป็นราวได้ ภาษาอังกฤษไม่ใช่คำโดดครับ เราต้องรวบรวมเป็นประโยคสมมูรณ์ให้ถูกต้อง แล้วคำพวกนั้นจะมีความหมายออกมาได้ครับ

เพื่อให้ระดับภาษานั้นดีขึ้นไปเรื่อยๆครับ เพราะบางคน ภาษา "ดีแล้ว" แต่บางคน "ยังอีกไกล" ครับ ;-) ผมกำลังจะถึงความหมายที่แตกต่างกันของ 2 คำนี้ครับ Way to go กับ A long way to go


เรามาดูความหมาย และตัวอย่างประโยคกัน ชัดๆ ต่อไปนี้ครับ


**** ****
ตัว Way to go ออกเสียงว่า "เวย์ ทู โก้ว์" เราใช้เพื่อบอกในความหมาย พวก Well done (ดีมาก) หรือ Good job (ทำได้ดี) หรือ หรือ Congrats (ยินดีด้วย) นะครับ

มันอาจถูกใช้พูดโดดๆ อย่างนี้เลย ได้ครับ เช่น

I really enjoyed that class. Way to go!
ฉันชอบตอนเรียนคลาสนั้นมาก ดีจริงเลย

You've done such a excellent job on this. Way to go.
คุณทำงานนี้ได้ยอดเยี่ยมสุดๆ ยอดเยี่ยมเลย

**** ****
ส่วนอีกสำนวน ว่า A long way to go ออกเสียงตามตัวว่า "อะ ลอง เวย์ ทู โก้ว์" ทำหน้าที่เป็น วลีคำนามนะครับ มองดูก็มีความหมายตรงตามตัวของมันครับ คือ "ยังมีระยะทางอีกไกลที่จะต้องไป" หรือแปลอีกรอบ ได้ว่า "ยังอีกไกล" ครับ ความหมายเหมือน "ยังต้องทำงานอีกเยอะ กว่าจะดีได้" ครับ นี้ออกแนวติเตียนนิดนึง มันอาจจะหดหู่หน่อย แต่อีกนัยนึง เรามักใช้กับเด็กๆ ที่มีเวลามากกว่า จะได้สร้างเสริมประสบการณ์ต่อไปนะครับ ตัวอย่างการใช้ เช่น


He has a long way to go before he can present that work in front of the team.
เขายังต้องฝึกอีกเยอะเลยละ ก่อนที่เขาจะแสดงผลงานนั้นต่อหน้าทีมได้

When it comes to the country's safety measurement, it is not so clear to most people that we still have a long way to go.
ถ้าพูดถึงเรื่องการวัดความปลอดภัยของประเทศ มันคงไม่ชัดเจนมากต่อคนโดยรวมหรอกว่าเรายังต้องทำต้องพัฒนาแก้ไขกันอีกเยอะเลย

ก็น่าสนใจดีครับ เรียนรู้อย่างนี้ ทำให้เราต้องละเอียดกับ 2 คำนี้เป็นพิเศษแล้วละครับ สำหรับใครที่ต้องการเก่งภาษาอังกฤษจริงๆ จังๆ ก็ต้องทุ่มเทศึกษาหน่อย เผื่อได้ใช้มันสื่อสารกับคนทั้งโลกได้ในอนาคตครับ

All the best,

Than x @ Bristol House
Call 085-164-6105

แปลเป็นภาษาไทย เพลง Back For Good Take That

World of Music;


Hi all. How it's going? Are you still having a lovely Songkran holiday? I hope you're having a wonderful time.


I'm back to Bangkok and now ready to embark on another segment of teaching English language to you all, my lovely students, in both our physical and online school. It's going to be quite exciting. Should you need advice about our English or Engineering courses you are interested in enrolling, please do contact me anytime via mobile at 085-164-6105. You can also visit our website at www.BristolHouse.net


Interestingly, I just thought of this song as I was reading one of my friends' post on facebook saying 'Back to work', so this song instantly came up in my mind. It is admired by many poeople around the world. It's called 'Back For Good' from Take That. With this post, I've written the Thai translation of the song's meaning. I hope you'll enjoy reading and learnig some very good English here.


Best wishes,

Than x @ Bristol House

========
"Back For Good" (Take That)
https://youtu.be/4R8xTu68r54

I guess now it's time for me to give up
ฉันเดาเอาว่า ตอนนี้คงได้เวลาแล้ว ที่ฉันจะยอมแพ้ซะ

I feel it's time
ฉันรู้สึกว่ามันได้เวลาละ

Got a picture of you beside me
มีภาพของเธอข้างฉัน

Got you're lipstick mark still on your coffee cup
มีรอยลิปสติกอยู่ที่คัพแก้วกาแฟ

Got a fist of pure emotion
มีอารมณ์บริสุทธิ์ขนาดเท่ากำปั้น

Got a head of shattered dreams
มีความฝันที่แตกละเอียดขนาดเท่าหัว

Gotta leave it, gotta leave it all behind now
ต้องจากมันไปแล้วละ ต้องทิ้งมันทั้งหมดไป ได้แล้วตอนนี้

Whatever I said, whatever I did I didn't mean it
ไม่ว่าฉันพูดอะไรลงไป ทำอย่างไรลงไป ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ

I just want you back for good
ฉันเพียงแค่อยากได้เธอคืนกลับมา ตลอดกาล

Whenever I'm wrong just tell me the song and I'll sing it
ไม่ว่าฉันทำผิดอะไรลงไป เธอบอกฉันเป็นเพลง เดี่๋ยวฉันจะร้องให้ฟังเลย

You'll be right and understood
เธอจะถูก ฉันจะเข้าใจเธอเสมอ

Unaware but underlined I figured out this story
ไม่รู้ตัวหรอก แต่ขอเน้นแบบขีดเส้นใต้ไว้เลย ฉันเข้าใจเรื่องนี้แล้ว

It wasn't good
(ว่า) มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่

But in the corner of my mind I celebrated glory
แต่ในอีกมุมหนึ่งของหัวใจฉัน ฉันก็ฉลองชัยชนะ

But that was not to be
แต่มันไม่ควรต้องเป็นอย่างนั้น

In the twist of separation you excelled at being free
ในมุมกลับของการแยกทางกัน เธอเป็นอิสระได้เก่งกว่าฉันแน่

Can't you find a little room inside for me
เธอจะหาห้องเล็กๆ ข้างในสำหรับฉันไม่ได้บ้างเลยเหรอ

Whatever I said, whatever I did I didn't mean it
ไม่ว่าฉันพูดอะไรลงไป ทำอย่างไรลงไป ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ

I just want you back for good
ฉันเพียงแค่อยากได้เธอคืนกลับมาตลอดกาล

Whenever I'm wrong just tell me the song and I'll sing it
ไม่ว่าฉันทำผิดอะไรลงไป เธอบอกฉันเป็นเพลง เดี่๋ยวฉันจะร้องให้ฟังเลย

You'll be right and understood
เธอจะถูก ฉันจะเข้าใจเธอเสมอ

And we'll be together, this time is forever
และเราจะอยู่ด้วย เวลานี้คือนิรันดร

We'll be fighting and forever we will be
เราจะทะเลาะกันไป แต่ด้วยกันที่เราจะอยู่ด้วยกัน

So complete in our love
สมบูรณ์มากมายในรักของเรา

We will never be uncovered again
เราจะไม่ต้องคอยมาเปิดเผยกันอีกเลย

Whatever I said, whatever I did I didn't mean it
ไม่ว่าฉันพูดอะไรลงไป ทำอย่างไรลงไป ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ

I just want you back for good
ฉันเพียงแค่อยากได้เธอคืนกลับมา ตลอดกาล

Whenever I'm wrong just tell me the song and I'll sing it
ไม่ว่าฉันทำผิดอะไรลงไป เธอบอกฉันเป็นเพลง เดี่๋ยวฉันจะร้องให้ฟังเลย

You'll be right and understood
เธอจะถูก ฉันจะเข้าใจเธอเสมอ

========

Sunday 14 October 2018

"จะทันไหมเนี๊ย"

ภาษาอังกฤษใกล้ตัว;


สวัสดีครับ ผมแทนครับ เรื่องใกล้ตัวภาษาอังกฤษวันนี้ เราจะพูด จะถามว่า "จะไปทันไหมเนี๊ย??" อย่างไรดีครับ ..?

มันคงมีวิธีพูดได้หลากหลายนะครับ ผมว่าในภาษาอังกฤษที่นิยม เราคงจะสร้างเป็นประโยคคำถามสมบูรณ์เลยครับ ได้ว่า


Are we going to make it?
ออกเสียงว่า "อาร์ วี โก้ว อิ้ง ทู เมค (ค)อิ๊ท"

สิ่งที่สำคัญมากในภาษาอังกฤษที่ดี นั่นคือมีโครงสร้างภาษาที่ถูกต้องครับ เรื่องคำศัพท์ไม่ต้องห่วงครับ ที่ผมศึกษามา เขาว่าภาษาอังกฤษมีคำศัพท์มากที่สุดในโลก ราว 600,000 คำครับ แม้ว่าคำศัพท์จะมากขึ้นอย่างไร พัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างไร เราสังเกตได้เลยว่าเจ้าของภาษาเขาจะยังคงรักษาหลักโครงสร้างไวยากรณ์ไว้เหมือนเดิม ชาวอังกฤษภาคเหนือพูดต่างสำเนียงกับชาวอังกฤษภาคใต้ แต่ยังคงเป็นแกรมม่าเดียวกันครับ นั่นทำให้เราต้องเอาใจใส่เรื่องแกรมม่ามากๆ ครับ

ผมชอบสังเกตคนพูดภาษาอังกฤษในเมืองไทยครับ โดยเฉพาะเวลาไปตามที่มีชาวต่างชาติมาเที่ยวกัน ซื้อขายของกัน ที่ได้ยินบ่อยครั้งคือ กว่าแต่ละคนละพูดออกมาได้แต่ละคำ บางทีต้องมีคิดกันนิดนึง บางทีคิดกันยาวนานมาก ขณะคิด ก็ออกเสียง "อิส อออออออ....าาาาาาา" หรือน่าจะประมาณจะออกเสียงประโยค ว่า 'It's a.......' ก็ขำๆ ดีนะครับ ฟังแล้วชวนให้คิดตามไปด้วย เป็นสภาวะผวังอย่างหนึ่ง ได้ผลทีเดียว ;-) ผมว่าละตรงนี้ได้เลยก็ได้ครับ แล้วนึกถึงก่อนเลยว่าจะสร้างประโยคบอกเล่า คำถาม คำสั่ง หรือประโยคเชิญชวนนะครับ


อย่างกรณีนี้ "จะไปทันไหมเนี๊ย" เป็นประโยคคำถามง่ายๆ ครับ โดยการสร้างนั้น จะนำเอากริยาช่วย ไว้หน้าสุด คำเดียวเลยครับ เลือกที่สัมพันธ์กันกับกริยาหลัก แล้วตามด้วยประธาน

เราก็ลองคิดดูว่า..

กริยาหลักของเราคือ be going to + make it
โดย be going to + V/base เราใช้หมายถึง "เหตุการณ์ที่ได้ถูกตัดสินใจแล้วว่าจะทำ" ครับ

และ make it เป็นสำนวน expression เลยครับ มีความหมายว่า "ทำให้เสร็จ" "ไปงานใดๆได้" หรือ "เอาชนะ" ครับ สำนวนนี้จะเหมาะสมที่สุด เพราะรวมๆ กันแล้ว สื่อได้ครบถ้วนทีเดียวครับ

กริยาหลักเป็น be going to ... จึงคิดได้ถึงตัวที่สัมพันธ์กับประธาน We เราใช้ We are going to ... ใช่ไหมครับ เราก็ย้ายตำแหน่ง Areไว้หน้าสุดของประโยค ได้ว่า

Are we going to make it?

พอไวยากรณ์มันถูกต้อง อะไรๆ มันก็พอจะฟังเข้าใจได้ง่ายกว่าเยอะละครับ ลองนำไปใช้กันนะครับ

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ

With best wishes,

Than x @ Bristol House
Call 085-164-6105

Friday 12 October 2018

แปลเพลง Do You Remember Phill Collin เป็นภาษาไทย ได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษที่ดีครับ

Music Lover คนรักเสียงเพลง;


ฟังเพลงเก่าจริง แต่ซึ้งถึงปัจจุบันกาล กันหน่อยครับวันนี้


Do you remember(with lyrics)
https://youtu.be/413gtjyel_k


Lots of love,

Than x @ Bristol House

www.bristolhouse.net
Bristol House Miracle of Knowledge
Tel: +66 085-164-6105
Lind ID: 777888222
Skype ID: www.bristolhouse.net
Email: BristolHouseThailand@yahoo.com

========
Do you remember? - Phill Collin

We never talked about it
เราไม่เคยพูดถึงมันหรอก

But I hear the blame was mine
แต่ฉันได้ยินมาว่า ฉันเป็นคนผิด

I'd call you up to say I'm sorry
ฉันว่าจะโทรหาเธอเพื่อขอโทษ

But I wouldn't want to waste your time
แต่ฉันก็ไม่อยากจะทำให้เธอเสียเวลา

'Cause I love you, but I can't take any more
เพราะฉันรักเธอ แต่ฉันเองก็รับไม่ได้แล้ว

There's a look I can't describe in your eyes
แววตาของเธอที่ฉันไม่สามารถอธิบายได้

If we could try, like we tried before
ถ้าเราพยายามกันได้ เหมือนที่เคยทำมา

Would you keep on telling me those lies?
เธอจะยังคงโกหกกับฉันอยู่อย่างนั้นหรือ?

(telling me lies)
โกหกฉัน

Do you remember?..
เธอจำได้ไหม?

There seemed no way to make up
ดูเหมือนจะไม่มีหนทางแก้ไข

'Cause it seemed your mind was set
เพราะเหมือนว่าความคิดของเธอมันถูกฝังไปแล้ว

And the way you looked it told me
และวิธีการมองของเธอมันบอกฉัน

It's a look I know I'll never forget
ฉันไม่มีทางลืมที่เธอมองฉันได้ ฉันรู้ได้เลย

You could've come over to my side
เธอน่าจะก้าวข้ามมาฝ่ายเดียวกันฉันก็ได้นะ

You could've let me know
เธอน่าจะบอกฉันสักคำ

You could've tried to see the distance between us
ฉันเธอน่าจะพยายามดูสักหน่อยว่าเราเริ่มห่างกันขนานไหน

But it seemed too far for you to go.
แต่มันก็คงมากเกินไป ที่เธอจะทำ

(so far to go)
มากเกินจะทำ

Do you remember?..
เธอจำได้ไหม?

Through all of my life
ตลอดชีวิตของฉัน

In spite of all the pain
แม้จะเจ็บปวดมากนัก

You know people are funny sometimes
เธอเองก็รู้ คนเราบางทีก็ทำอะไรแปลกๆ

'Cause they just can't wait
ก็เพราะพวกเขารอไม่ได้

To get hurt again
ที่จะให้ตัวเองเจ็บอีกสักที

Tell me, do you remember?..
บอกฉันสิ เธอจำได้ไหม?

Do you remember?..
เธอจำได้ไหม?

There are things we won't recall
คงมีบางสิ่งที่เราระลึกนึกไม่ออก

And feelings we'll never find
และความรู้สึกที่เราจะไม่พบเจอ

It's taken so long to see it
มันใช้เวลานานมากเกินไปนักที่จะได้เห็นมัน

'Cause we never seemed to have the time
ก็เพราะเราดูจะไม่มีเวลา

There was always something more important to do
มันดูเหมือนมีอะไรสำคัญที่ต้องทำมากกว่าเสมอเลย

More important to say
สำคัญมากกว่าที่จะพูด

But "I love you" wasn't one of those things
แต่ "ฉันรักเธอ" ไม่เคยเป็นสิ่งสำคัญเหล่านั้น

And now it's too late
และแล้วตอนนี้มันก็สายไป

Do you remember?..
เธอจำได้ไหม?

(now it's over)
ตอนนี้มันจบแล้ว

Do you remember?..
เธอจำได้ไหม?

(now it's over)
ตอนนี้มันจบลงแล้ว


Thursday 11 October 2018

Poor me VS Pity me ตอนที่ 2

Learn Real English;

Poor me VS Pity me ตอน 2


ตอนนี้ เรามาเจาะลึกแนวทางการสื่อสำนวน pity me กันดีกว่าครับ


ก่อนอื่นเลย pity ออกเสียงว่า "พิ ทิ่" ครับ คำนี้ถ้าแปลเป็นควาหมายไทย จะได้ว่า "เวทนา" หรือ "สังเวช" ครับ จากความหมายไทยนี้ ทำให้เราเข้าใจได้ว่า pity มีความหมายในด้าน "ลบ" นะครับ อย่างไรก็ตาม ภาษาอังกฤษเราจะใช้โครงสร้าง มาช่วยแบ่งแยกความแตกต่างครับ ว่าเวทนามาก หรือเวทนาน้อย .. เดี่ยวผมจะพยายามเล่าให้เห็นความแตกต่างครับ ใครที่ตั้งใจอ่านก็จะเข้าใจได้ครับ


เราพิจารณาประเภทของคำกันก่อนดีกว่าครับ pity นี้เป็นจะเป็น Verb หรือ Noun ก็ได้ครับ ถ้าใช้ใน "กริยา" เราใช้เพื่อแสดงความเวทนาต่อความโชคร้ายของผู้อื่น สะส่วนใหญ่ครับ ทำให้เราจะได้ยินการใช้ควบกับกรรมที่เป็นคนอื่น นะครับ เช่น .. pity you. หรือ pity him./her. นะครับ (แต่จะไมค่อยได้ยิน pity me นะครับ) โดยที่ ถ้าเอา "you" ซึ่งเป็น "คน" มาเป็นกรรมตรงแล้ว ความหมายจะแรงมาก แปลว่า "ฉันละเวทนาคุณจริงๆ"


ตัวอย่างเช่น


Anna) I can't understand why David lies to people all the time. It's so obvious that he's a phoney.
ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเดวิดต้องโกหกคนอื่นตลอดเวลาเลย มันดูออกง่ายมากเลย ว่าเขาเป็นคนมือถือสาก ปากถือศีล


Jason) I know. I pity him.
ฉันก็ว่างั้นแหละ ฉันละเวทนาเขาจริงๆ


แต่ถ้าเราอยากแสดงความเวทนานี้ ด้วยคำว่า pity ให้ดูสงสาร เห็นใจ เข้าใจถึงความแย่ของเรื่องที่เกิด ให้เราใช้กริยา "feel" มาทำกรรม "pity" โดยตัวนี้ทำหน้าที่เป็นคำนาม (นับไม่ได้) แล้วต่อประโยคด้วย preposition ว่า for แล้วค่อยตามด้วย คำนาม ที่เป็น "คน" ครับ ก็จะฟังดูไม่รุณแรงเท่าไหร่ แนวเห็นใจดี ดีไหมละครับ?


ตัวอย่างเช่น


Anna) I had been waiting over 6 hours to attend the event. It turned out that it was full when I was about to enter in the end.
ฉันรอเป็นเวลากว่า 6 ชั่วโมงเพื่อเข้างาน ปรากฎว่า พอฉันจะได้เข้า ในงานมีคนเต็มแล้ว


Jason) Oh I feel tender pity for you.
โอ้ ฉันรู้สึกเวทนาสงสารคุณจังเลย


เมื่อเข้าใจตรงนี้แล้ว เราก็ใช้ได้อย่างเหมาะสมแล้วนะครับ


อีกประการหนึ่ง เมื่อ Pity เป็นคำนาม เราใช้คำในภาษาอังกฤษ ว่า self-pity เพื่ออธิบายถึงคนที่มีนิสัยมักจะเวทนาสงสารตัวเองอยู่ตลอดเวลาครับ คือจะมโนภาพไปเองว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่นครับ เป็นอาการนิสัยทางจิตอย่างหนึ่งนะครับ และไม่ใช่เรื่องดีด้วย


ตัวอย่างการใช้คำนี้ เช่น


Keith) My friend watches dramas on television religiously all day every day. And often times she says to me that she wishes she had other people's appearances.
เพื่อนฉันชอบดูละครในทีวีเป็นชีวิตจิตใจเลยนะ ดูทั้งวัน ทุกวัน และบ่อยครั้งนัก ที่เธอจะมาบอกฉันว่าเธอปราถนาอยากมีรูปร่างหน้าตาเหมือนคนอื่นบ้าง


James) That's what media does sometime. It makes you feel some self-pity and you're not being yourself.
นั่นแหละคือที่สื่อทำในบางครั้ง มันทำให้คุณรู้สึกเวทนาตัวเอง แล้วก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง


ก็เป็นตัวอย่างที่หวังว่าจะทำให้เข้าใจความหมายของคำ pity นะคับ อย่าลืมว่า ตอนที่แล้ว คำว่า Poor me มีโครงสร้างไม่เหมือนกับ pity ของวันนี้เลยนะครับ จะสลับคำต่อคำ เพื่อใช้แทนกัน ไม่ได้ครับ


With best wishes,

Than x @ Bristol House


Bristol House Miracle of Knowledge
www.BristolHouse.net
Tel: 085-164-6105
Email: BristolHouseThailand@yahoo.com

Poor me VS Pity me ตอนที่ 1

Learn Real English;

poor me VS pity me ตอนที่ 1


สำหรับวันนี้ เป็นเรื่องที่ถูกถามมาจากคุณแพรวครับ ความแตกต่างระหว่าง poor me และ pity me ที่เห็นใช้กันในภาษาอังกฤษบ่อยครั้ง


คุณแพรวสงสัยว่า poor me กับ pity me ใช้แทนกันเลยได้ไหม ถ้าได้ เป็นกรณีไหนได้บ้าง เพราะเคยได้ยินคนพูดคำพวกนี้แล้ว จึงไม่ใช่การแปลมา โดยเข้าใจว่าความหมายเดียวกันว่า "ฉันน่าสงสารจัง" ทั้งสอง expression เลย ...


คำตอบคือทั้งสอง expression นี้ใช้แทนกันไม่ได้นะครับ เนื่องด้วยบริบทมันต่างกัน กินใจ โดนใจ คนละแบบ คนละความหมาย ลองอ่านที่ผมเขียนแล้วทำความเข้าใจเลยนะครับ


poor me ออกเสียงว่า "พอร์ มี" ถ้าเป็นสำเนียงแบบอังกฤษ จะไม่ห่อลิ้นที่ตัว r เท่าไหร่นักครับ ทำให้เสียงสระมันไม่ออกด้วย ไม่ถึงขนาดเสียง "พัว" ครับ ส่วนเรื่องควาหมายก็คือ สำนวนนี้เราใช้พูดโดยตัวเราเอง ต่อตัวเราเอง กับสถานการณ์ที่แย่ๆ น่าสงสารอยู่ครับ เช่น ตกรถไฟฟ้า ตกเครื่องบิน ตกรถเมล์ แล้วไปทำธุระสาย ก็กล่าวในใจหรือออกเสียงออกมาได้ หรืออีกกรณีตัวอย่าง คืออาจจะพยายามทำอะไรบางอย่างด้วยความยากลำบาก ต่อสู้มานานแสนนาน แต่สุดท้ายก็ไม่ชนะ ก็อาจจะกล่าวว่า poor me เพื่อแสดงความสงสารต่อตัวเองครับ


ตัวอย่างเช่น 


I've worked so hard on my GCSE and O-level. Yet, I didn't get accepted for the university I wanted. Poor me!
ฉันเรียนหนักมากเลยในการสอบ GCSE และ O-Level แต่อย่างไรก็ตาม ฉันก็เข้ามหาวิทยาลัยที่ฉันต้องการไม่ได้ แย่จัง!!


เราใช้ Poor me พูดกับตัวเองนะครับ แต่หากเราต้องการพูดกับคนอื่น ของสถานการณ์แย่ๆ ของคนอื่น เราจะสลับ me เป็น you เลย กลายเป็น Poor you ไม่ได้นะครับ!! หากว่าได้ยินใครพูดว่า Poor you ใส่คนอื่น นั่นคือเพื่อแสดงความ "เสแสร้งสงสาร" ครับ มักเป็นการหยอกล้อกันในกลุ่มเพื่อนมากกว่าครับ

นั้นคือ ถ้าเราต้องการสื่อว่า "เธอช่างน่าสงสารจัง" ภาษาอังกฤษ จะต้องใช้เป็นสำนวนว่า You poor thing. นะครับ เพราะอันนี้จะแสดงความจริงใจแน่นอนครับ พูดแล้วไม่หันควับ..มาทะเลาะกันต่อนะ ;-)

Your poor thing. ออกเสียงว่า "ยู พอร์ ธิ่ง" นะครับ


ตัวอย่างเช่น


Keith) Oh I slipped in front the bathroom door this morning and everything went wrong all day today.
คีธ) โอ้ ฉันลื่นล้มหน้าประตูห้องน้ำเมื่อเช้านี้ แล้ววันนี้ทั้งวัน ทุกอย่างก็แย่ๆ มีแต่ปัญหาเต็มไปหมดเลย


Babarah) Oh you poor thing.
บาบาร่า) โอ เธอช่างน่าสงสารจัง


คราวหน้า เรามาต่อกัน กับความหมายคำว่า pity me ครับ


ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ


Kind regards,
Than x @ Bristol House


Bristol House Miracle of Knowledge
www.BristolHouse.net
Tel: 085-164-6105
BristolHouseEnglish@gmail.com

พระบรมราโชวาท ร.๙ เรื่องงานด้านการศึกษา เป็นภาษาอังกฤษเพราะๆ ครับ



Royal Guidance พระบรมราโชวาท;


ผมก่อนผมได้เห็นภาพโพ้สในเน็ต เป็นพระบรมราโชวาท ของเฟสบุ๊ค kruwandeedotcom ครับ ผมขออนุญาตเครดิตภาพมาด้วยเลยนะครับ และขอแปลพระบรมราโชวาทจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ ดังนี้ครับ

"งานด้านการศึกษาเป็นงานสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของชาติ เพราะความเจริญและความเสื่อมของชาตินั้น ขึ้นอยู่กับการศึกษาของพลเมืองเป็นข้อใหญ่ จึงต้องจัดการศึกษาให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น" - พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดช ๑๒ ธันวาคม ๒๕๑๒


"One of the country's most important jobs is education. Either prosperity or deterioration of a country depend mainly upon the citizent's education. Hence, the strenghtened education is indeed needed." - Royal Guidance of His Majesty the King Bhumibol Adulyadej on 12 December 1968

Long Live The King ทรงพระเจริญ

Lots of love,
Than x @ Bristol House

Bristol House Miracle of Knowledge
www.BristolHouse.net
Tel: 085-164-6105

"อดทนทำไป" เป็นสำนวนภาษาอังกฤษครับ สำหรับคนรักสำนวน

Idiom & Expression;


"Suck it up"


เคยไหมครับ บางทีต้อง "อดทน" เพราะไม่มีทางเลือก บางทีต้อง "ก้มหน้าก้มตาทำไป" โดยไม่บ่นพ้อต่อว่า เพราะมันจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรได้แน่ บางทีไม่มีใครให้ความเข้าใจกับเราเราก็พูดอะไรมากไม่ได้ ทนๆ ทำๆ ไป อะครับ พูดไปก็ไร้ประโยชน์ ความรู้สึกประมาณนี้ ถ้าใครอยากรู้สำนวนภาษาอังกฤษไว้สื่อความหมายนี้ อ่านโพ้สนี้ต่อให้จบได้ครับ เรามีสำนวนภาษาอังกฤษไว้ใช้ครับ คำว่า suck it up สื่อได้ นั่นเองครับ โดยอ่านว่า "ซัก อิท อัพ"


โดยปกติแล้ว คำว่า

suck นี้แปลว่า "ดูด"
it เป็น กรรม แปลว่า "มัน"
up เป็น preposition แปลตรงตัวว่า "ขึ้นไป"


แต่เมื่อรวมกันแล้ว การดูดนี้ มันไม่ใช่เรื่องน่าขำเลยนะครับ เพราะกรณีนี้ ในภาษาอังกฤษเรารู้กันว่า it ตัวนี้ ไม่ใช้น้ำหวาน หรือชา กาแฟ น้ำอัดลม น้ำตาล หรือเบียร์เย็นเจี๊ยบ แต่อย่างใด ... แต่มันมีนัยเป็น "ความขมขื่น" หรือถ้ามองคนกำลังร่ำไห้อย่างเบาๆ จะมีเสียงสะอึกสะอื้น นั่นละครับ เราบอกให้ suck it up กลืนน้ำมูกน้ำลายเข้าไปก่อน แล้วอดทนทำมันไปก่อน ครับ


เรามาชมตัวอย่างการใช้กัน


I don't care if you're unformfortable. Suck it up and deal with it.
ฉันไม่สนใจหรอกว่าคุณจะอึดอัดอะไรอย่างไง อดทนเอาไว้ แล้วแก้ปัญหากับมัน


I had been trying for so long to make this work. But as I realised that it wouldn't, I just sucked it up and got on with it.
ฉันพยายามเป็นเวลานานแสนนานอยากจะให้สิ่งนี้มันเวิรค แต่พอฉันรู้ว่ามันไม่เวิร์คแน่ ฉันก็อดทนอดกลั้นแล้วก็จัดการกับมันอย่างที่มันเป็น


หรือตัวอย่างนี้ จาก Urban Dictionary ครับ เขาว่า

Bob's car needed a new engine. He couldn't afford an new one, so he had to suck it up.
รถของ Bob จำเป็นต้องเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ เขาไม่มีเงินจะซื้อมันได้ เขาจึงต้องทนๆ ไปอย่างนั้นแหละ


ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ

With warm wishes,
Than Bristol House x

Bristol House Miracle of Knowledge
www.BristolHouse.net
Tel: 085-164-6105

แปลเพลง "จากนี้ไปจนนิรันดร์" เป็นภาษาอังกฤษเพราะๆ อ่านกันครับ

Music Lovers คนรักเสียงเพลง;


นานแล้วที่ผมไม่ได้แปลเพลงจากไทยเป็นอังกฤษให้ได้อ่านกัน เหมาะสมกับหลายคนที่อยากเรียนรู้จากความหมายของหัวใจคนไทยออกมาเป็นภาษาอังกฤษอย่างสละสลวย ถึงใจ และถูกต้อง ลองอ่านและดูที่มาที่ไปของมันกันนะครับ คิดว่าเวลานี้ ในช่วงเข้าเดือนตลุาคม เป็นช่วงที่ต้องการกำลังใจกันมากเลยทีเดียวครับ ผมขอมอบเพลงนี้ให้กับแฟนๆทุกท่านในเพจนี้ครับ ความหมายเพลงไพเราะดี ผมแปลตามความเหมาะที่ผมรู้สึกนะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย เพลง "จากนี้ไปจนนิรันดร์" มอบเพลงนี้ให้กับคนรักภาษาอังกฤษทุกคนครับ มันลึกซึ้งมาก และมันสื่อความรู้สึกในใจผมได้อย่างดีทีเดียวครับ

Good night,

Than Bristol House x

Bristol House Miracle of Knowledge 
Tel: 085-164-6105

========
"จากนี้ไปจนนิรันดร์"
https://youtu.be/k-V1xvYjN1k


แค่ได้มองตาเธอในวันนั้น จากที่เราเจอกันแค่ครั้งเดียว
Having seen the look in your eyes that day, from the only time we met,

เปลี่ยนชีวิตที่เคยโดดเดี่ยวให้มีความหมาย
My life has changed from lonely to meaningful

ไม่ว่าฉันและเธอ ต่างคนต่างมาต่างกันเท่าไหร่
No matter where we are from, no matter how different we are

คำว่ารักจะผูกใจเราไว้ ไม่ให้ไกลกัน
The word of 'love' will always have our hearts tied, not to be apart

จากที่เคยเย็นชาก็หวั่นไหว จากเป็นคนอื่นไกลก็คุ้นเคย
From insensitive to shaky, from one of stranger to acquaintance

สิ่งที่ฉันไม่เข้าใจเลย เธอบอกกันให้รู้
What is incomprehensible to me, you can articulate it.

เปลี่ยนชีวิตฉันไป อยากอยู่นานๆ เพื่อจะเฝ้าดู
My life has really changed. I wish to stay as long as I can to watch

วันพรุ่งนี้รักเราจะเป็นอย่างไร
How our love will turn out to be tomorrow

ฉันไม่เคยรักไม่เคยรู้ ว่าชีวิตมันดีเช่นไร
I never loved, never knew what life would be

เมื่อได้มีบางคนข้างกาย เมื่อได้มีเธออยู่ข้างๆ กัน
When you have someone beside you, when I have you beside me.

ฉันมอบชีวิต ต่อจากนี้ไปจนนิรันดร์
I give my life from this day until forever

ทั้งหัวใจคือเธอเท่านั้น รักของเราจะอยู่จนวันตาย
All my heart is only about you. Our love will last till the time is through.

จะเป็นคนดูแลเมื่อเธอล้ม จะเป็นลมโอบเธอเมื่อร้อนใจ
When you fall, I will catch. When you worry, I will hug you.

กี่ปัญหามากมายเพียงใด เรามีกันไม่แพ้
How many problems there are to arise, together we'll never lose.

ต่อไปนี้สัญญาจะ เกิดอะไรกับเธอแล้วแต่
From now I promise. Whatever happens to you.

คนๆ นี้ไม่มีวันจะหายไป
This man will never disappear.

ฉันไม่เคยรักไม่เคยรู้ ว่าชีวิตมันดีเช่นไร
I never loved, never knew how life would be

เมื่อได้มีบางคนข้างกาย เมื่อได้มีเธออยู่ข้างๆ กัน
When you have someone beside you, when I have you beside me.

ฉันมอบชีวิต ต่อจากนี้ไปจนนิรันดร์
I give my life from this day until forever

ทั้งหัวใจคือเธอเท่านั้น รักของเราจะอยู่จนวันตาย
All my heart is only about you. Our love will last till the time is through.

ฉันไม่เคยรักไม่เคยรู้ ว่าชีวิตมันดีเช่นไร
I never loved, never knew how life would be

เมื่อได้มีบางคนข้างกาย เมื่อได้มีเธออยู่ข้างๆ กัน
When you have someone beside you, whenI have you beside me.

ฉันมอบชีวิต ต่อจากนี้ไปจนนิรันดร์
I give my life from this day until forever

ทั้งหัวใจคือเธอเท่านั้น รักของเราจะอยู่จนวันตาย
All my heart is only about you. Our love will last till the time is through.


If I Ain't Got You

World of Music;

คำพูดส่งผ่านความหมายอันไพเราะของเพลงนี้ แสดงออกมาถึงความรู้สึกภายใน ของหัวใจคนมีความรักครับ หัวใจดวงนี้ดูช่างต้องใช้ร่างกายใช้สมองคิดเนื้อเพลง ใช้มือทำท่วงทำนอง ใช้หูฟังปรับเสียงสูงต่ำ ใช้ปากกับทรวงอกจนถึงท้องเปล่งเสียงเนื้อร้อง กว่าจะสื่ออารมณ์ความรู้สึกหัวใจออกมาให้ถึงอีกหัวใจนึงได้ ผมมานั่งคิดดู มันก็หลายขั้นตอนอยู่นะครับ กว่าจะส่งสารกันสำเร็จ .. ผลก็คือ เป็นเพลงที่ฟังแล้วน่าประทับใจนัก ผมแปลเนื้อเพลงเป็นภาษาไทยเพื่อได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษดีๆ กันที่นี่ครับ เรียนภาษาอังกฤษจากเพลง ไม่เพียงแต่เนื้อร้องนะครับ แต่ไวยากรณ์ก็ถูกเรียนรู้ได้ครับ ลองสังเกตบริบทภาษาทั้งสองดูในโพ้สนี้ครับ ผมขอเลือกเวอร์ชั่นที่ Maroon 5 ร้องในคอนเสริตนะครับ หวังว่าทุกคนคงชอบพอกัน

With warm wishes,

Than Bristol House x

www.bristolhouse.net/
www.facebook.com/ThanEnglishClub/
www.bristolhouseenglish.blogspot.com/
Call 085-164-6105

========
https://youtu.be/oY6QKqYSf_k
"If I Ain't Got You"

Some people live for the fortune
บางคนมีชีวิตอยู่เพื่อโชค

Some people live just for the fame
บางคนมีชีวิตอยู่เพื่อชื่อเสียง

Some people live for the power, yeah
บางคนมีชีวิติยู่เพื่ออำนาจ เย้

Some people live just to play the game
บางคนมีชีวิตอยู่เพื่อสนุกเล่นเกมส์

Some people think that the physical things
บางคนคิดว่าสิ่งที่เป็นรูปธรรมนั้น

Define what's within
มันจะให้คำนิยามอธิบายสิ่งที่อยู่ภายในได้

And I've been there before
และฉันผ่านจุดนั้นมาแล้ว

But that life's a bore
แต่ชีวิตอย่างนั้นมันคือความน่าเบื่อหน่าย

So full of the superficial
มันช่างผิวเผินนัก

[Chorus:]
Some people want it all
บางคนต้องการอะไรทุกอย่าง

But I don't want nothing at all
แต่ฉันไม่อยากได้อะไรเลยสักอย่าง

If it ain't you, baby
ถ้าฉันไม่มีเธอ ที่รัก

If I ain't got you, baby
ถ้าฉันไม่มีเธอ ที่รัก

Some people want diamond rings
บางคนต้องการแหวนเพชร

Some just want everything
บางคนแค่เพียงต้องการมันทุกสิ่ง

But everything means nothing
แต่แล้ว ทุกสิ่งก็ไม่มีค่าอะไร

If I ain't got you, yeah
หากฉันไม่มีเธอ ที่รัก

Some people search for a fountain
บางคนเสาะหาลานน้ำผุ

That promises forever young
ที่มันสัญญาไว้ซึ่งความเยาว์อยู่เสมอ

Some people need three dozen roses
บางคนต้องการกุหลาบสัก 3 โหล

And that's the only way to prove you love them
แล้วนั่นก็เป็นหนทางเดียวที่จะพิสูจน์ได้ว่าเรารักเขา

Hand me the world on a silver platter
ยื่นแผ่นเสียงสีเงินของโลกมาให้ฉันสิ

And what good would it be
แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรละ

With no one to share
เมื่อไม่มีใครจะแชร์กันฟัง

With no one who truly cares for me
เมื่อไม่มีใครจริงๆ ที่แคร์ฉัน

[Chorus:]
Some people want it all
บางคนต้องการมันทุกอย่าง

But I don't want nothing at all
แต่ฉันไม่ต้องการอะไรสักอย่าง

If it ain't you, baby
ถ้าฉันไม่มีเธอ ที่รัก

If I ain't got you, baby
ถ้าฉันไม่มีเธอ ที่รัก

Some people want diamond rings
บางคนต้องการแหวนเพชร

Some just want everything
บ้างก็เพียงต้องการมันทุกอย่าง

But everything means nothing
แต่ว่าทุกอย่างมันไม่มีค่าอะไรเลย

If I ain't got you, you, you
หากฉันไม่มีเธอ ที่รัก

Some people want it all
บางคนต้องการมันทุกอย่าง

But I don't want nothing at all
แต่ฉันไม่ต้องอะไรเลยแม้แต่น้อย

If it ain't you, baby
หากฉันไม่มีเธอ ที่รัก

If I ain't got you, baby
หากฉันไม่มีเธอ ที่รัก

Some people want diamond rings
บางคนต้องการแหวนเพชร

Some just want everything
บางคนเพียงต้องการมันทุกอย่าง

But everything means nothing
แต่ทุกสิ่งก็ไม่มีค่าอะไรเลย

If I ain't got you, yeah
หากฉันไม่มีเธอ ที่รัก

[Outro:]
If I ain't got you with me, baby
หากฉันไม่มีเธออยู่กับฉัน ที่รัก

So nothing in this whole wide world don't mean a thing
ดังนั้น ไม่มีอะไรในโลกอันกว้างใหญ่นี้จะมีค่า มีความหมายอะไรไปได้

If I ain't got you with me, baby
ถ้าฉันไม่มีเธออยู่กับฉัน ที่รัก


แปลเพลง Hello Adele เป็นภาษาไทย

Music Lover;
คนรักดนตรี


เพลงนี้เพิ่งเปิดตัวครับ ผมฟังได้ครั้งเดียวก็ชอบเลย แต่เป็นสิ่งที่น่าแปลกในบรรดาเพลงทั้งหลายที่ Adele แต่งขึ้นมา ผมว่าเพลงนี้ใช้คำศัพท์ภาษาอังกฤษแบบธรรมดามากครับ ไม่มีคำใหญ่คำโตตามสไตล์ของเธอเลย แม้กระทั่งเรื่องราวอุปมาอุปมัยไว้ให้คิดเรื่องราวก็ไม่ซับซ้อนให้ค้นหา เพลงนี้เอาแบบตรงๆ ชัดๆ เลย คาดว่าคงจะเน้นที่ใจความ และเน้นสวมใส่ทำนองเสียงร้องเพราะๆ ให้คนทั้งโลกได้ฟังเพลงแล้วแปลความหมายได้เลยง่ายๆ ในใจ ผมว่าเขาอาจให้สมดุลย์แบบนั้น นี้คืองานที่เน้นคุณภาพความสามารถล้วนๆ จาก Adele ที่ผมเองก็ชื่นชอบมาก ไม่ต้องสร้างกระแส หรือตบแต่งสร้างภาพมากมายครับ วัดที่ความรู้สึกตอนฟังเพลงเลย ผมเห็นข่าวแว็บๆ ว่าขึ้นไปสู่อันดับที่ 1ในการจัดอันดับชาร์ทเพลงที่อังกฤษ ลองมาฝึกเรียนภาษาอังกฤษจากเพลงนี้ครับ ผมแปลเป็นภาษาไทยให้ได้ความหมายให้เข้าใจจากอังกฤษครับ ฝึกไปไปใช้ได้ในเรื่องแกรมม่าต่างๆ ที่ดี ในเพลงนี้ หวังว่าคงชอบกันครับ

With warm wishes,
Than x Bristol House

========
"Hello" Adele
https://youtu.be/YQHsXMglC9A


Hello, it's me
ฮัลโหล่ ฉันเอง

I was wondering if after all these years
ฉันเพียงสงสัยว่า หลังจากหลายปีที่ผ่านมา

You'd like to meet, to go over everything
ฉันอยากจะพบเจอ เพื่อคุยกันทุกเรื่อง

They say that time's supposed to heal ya
เขาว่าเวลาจะช่วยรักษาเรา

But I ain't done much healing
แต่ฉันไม่ได้บำบัดรักษาอะไรมากเท่าไหร่

Hello, can you hear me?
ฮัลโหล เธอได้ยินฉันไหม

I'm in California dreaming about who we used to be
ฉันอยู่ที่แคลิโฟเนีย นึกฝันอยู่ว่าเราเคยเป็นอย่างไรกัน

When we were younger and free
ตอนเรายังเด็กและเป็นอิสระ

I've forgotten how it felt before the world fell at our feet
ฉันลืมไปแล้วว่าที่ผ่านมามันยากลำบากเพียงใด ก่อนที่อะไรมันจะดีขึ้น

There's such a difference between us
เราก็มีความแตกต่างกันมาก

And a million miles
และห่างกันเป็นล้านไมล์

Hello from the other side
ฮัลโหล จากอีกฝากฝั่งหนึ่ง

I must've called a thousand times to tell you
ฉันโทรไปเป็นพันครั้งได้แล้วมั๊ง เพื่อบอกเธอ

I'm sorry, for everything that I've done
ฉันเสียใจกับทุกสิ่งที่ได้ทำไป

But when I call you never seem to be home
แต่เวลาฉันโทรหาเธอ เธอไม่เคยอยู่บ้าน

Hello from the outside
ฮัลโหล จากคนข้างนอก

At least I can say that I've tried to tell you
อย่างน้อยฉันก็พูดได้ว่าฉันได้พยายามบอกเธอแล้ว

I'm sorry, for breaking your heart
ฉันเสียใจ ที่ฉันทำให้หัวใจเธอแตกสลาย

But it don't matter, it clearly doesn't tear you apart anymore
แต่มันก็ไม่เป็นไรหรอก มันชัดเจนแล้วว่าเธอไม่เสียใจอีกแล้ว

Hello, how are you?
ฮัลโหล เธอสบายดีไหม?

It's so typical of me to talk about myself
เป็นเรื่องปกตินั่นแหละที่ฉันพูดเรื่องตัวเอง

I'm sorry, I hope that you're well
ฉันเสียใจ ฉันหวังว่าเธอสบายดี

Did you ever make it out of that town
เธอได้ย้ายออกไปจากเมืองหรือเปล่า

Where nothing ever happened?
ที่ที่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น

It's no secret
มันไม่ใช่ความลับหรอก

That the both of us are running out of time
ว่าเราทั้งสองนั้นหมดเวลากันแล้ว

So, hello from the other side
ฮัลโหล จากอีกฝากฝั่งหนึ่ง

I must've called a thousand times to tell you
ฉันโทรไปเป็นพันครั้งได้แล้วมั๊ง เพื่อบอกเธอ

I'm sorry, for everything that I've done
ฉันเสียใจ สำหรับทุกสิ่งที่ได้ทำลงไป

But when I call you never seem to be home
แต่โทรไปเมื่อไหร่ เธอก็ดูเหมือนจะไม่เคยอยู่บ้านเลย

Hello from the outside
ฮัลโหล จากคนข้างนอก

At least I can say that I've tried to tell you
อย่างน้อยฉันก็พูดได้ว่าฉันได้พยายามจะบอกเธอแล้ว

I'm sorry, for breaking your heart
ฉันเสียใจ ที่ทำให้หัวใจเธอแตกสลาย

But it don't matter, it clearly doesn't tear you apart anymore
แต่มันก็ไม่เป็นไรหรอก มันชัดเจนแล้วว่าเธอไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรอีกแล้ว

Ooooohh, anymore
โอว อีกแล้ว

Ooooohh, anymore
โอว อีกแล้ว

Ooooohh, anymore
โอว อีกแล้ว

Anymore
อีกแล้ว

Hello from the other side
ฮัลโหล จากอีกฝากฝั่งหนึ่ง

I must've called a thousand times to tell you
ฉันโทรหาเป็นพันครั้งแล้ว เพื่อบอกเธอ

I'm sorry, for everything that I've done
ฉันเสียใจ สำหรับทุกสิ่งที่ฉันทำไป

But when I call you never seem to be home
แต่โทรไปเมื่อไหร่ เธอก็ไม่เคยอยู่บ้าน

Hello from the outside
ฮัลโหล จากคนข้างนอก

At least I can say that I've tried to tell you
อย่างน้อยฉันก็พูดได้ว่าฉันได้พยายามแล้ว ที่จะบอกคุณ

I'm sorry, for breaking your heart
ฉันเสียใจ ที่ทำให้หัวใจเธอแตกสลาย

But it don't matter, it clearly doesn't tear you apart anymore
แต่มันก็ไม่เป็นไรหรอก มันชัดเจนแล้วว่าเธอไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรอีกแล้ว


"ไม่มีมูล หมาไม่ขี้" ประมาณนี้ได้ว่าอย่างไรเป็นภาษาอังกฤษ อ่านในบล๊อคนี้ผมเขียนไว้ครับ

Proverb In Use;

"No smoke without fire" เป็นสำนวนสุภาษิตที่ผมจะเขียนวันนี้ครับ


แปลตรงๆ จะได้ว่า "ไม่มีควันไปได้ ถ้าไม่มีไฟ" แน่นอนครับ เราใช้สุภาษิตนี้ในภาษาอังกฤษเพื่อสื่อว่า "เวลาเราสงสัยต่อสิ่งใด ที่โดยทั่วไปแล้วมองไม่เห็นหลักฐานที่เป็นรูปธรรม แต่มันก็มีเหตุผลและปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้ข้อสงสัยนั้นน่าเป็นจริงมาก"


บางที เราอาจะได้ยินเขาใช้สำนวนนี้ในอีกโครงสร้างประโยคเลย เช่นว่า

Where there's smoke, there's fire. ครับ

ถ้าอันนี้ ตรงๆ ก็คือ "ที่ไหนมีควัน ที่นั่นมีแหล่งไฟ" ครับ

ตัวอย่างการใช้จริง เช่น

A) I have been told by many people that Arisa is not easy to work with. But outwardly, I see her as such a friendly person.
B) There is no smoke without fire. I used to work with her before and I think you'll have to do that yourself to find out how she really is.

A) มีคนบอกฉันหลายคนมาก ว่าทำงานกับอลิสานั้นมันไม่ง่ายเลย แต่ดูจากภายนอกแล้ว ฉันก็ว่าเธอเป็นคนมีมิตรภาพดีนะ

B) ถ้าไม่มีควัน ก็ไม่มีไฟหรอก ฉันเคยทำงานกับเขามาก่อน และฉันคิดว่าคุณต้องลองทำงานกับดูเอง จะได้รู้ว่าจริงๆแล้วเขาเป็นคนอย่างไร

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ สำหรับวันนี้ สุภาษิตนี้น่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับคนที่ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันทุกวันครับ เพราะมีสถานการณ์ที่เหมาะสมให้ใช้เยอะครับ หรืออาจจะไปเจอในข้อสอบภาษาอังกฤษก็บ่อยครั้งครับ

Best wishes,

Than x Bristol House


www.bristolhouse.net
www.facebook.com/ThanEnglishClub/
https://bristolhouseenglish.blogspot.com/
To consult, call 085-164-6105

Careless Whisper by George Michael

Music Lover;


นึกถึงเพลงเก่าๆ ทำนองดีๆ และคำพ้องเสียงซ้อนไว้หลายมุม รวมถึงมีนัยความหมายอ้อมข้อมซ้อนเร้นไว้อีกด้วย ทำให้ความหมายเพลงที่แปลออกมามันลึกซึ้งมากกว่าคำร้อง ไพเราะดีครับ คนทำผิดอะครับ แม้อาการอาจไม่ออก แต่ใจคิดไปแล้ว ..


เรียนรู้ภาษาอังกฤษดีๆ จากเพลง Careless Whisper ของ George Micheal ครับ ด้วยความหมายภาษาไทยที่ผมแปลไว้ครับ ก็ไม่ต้องอินมากอะนะครับ เพลงเศร้าเราไม่อินนัก เดี๋ยวนอนไม่หลับครับ ;-)

With love,

Than x Bristol House


========
https://youtu.be/dbWjzEq9ays
"Careless Whisper" / George Michael

Time can never mend
เวลามันไม่ได้ช่วยแก้ไข

The careless whisper of a good friend
เสียงกระซิบที่ไม่สนใคร จากเพื่อนดีของฉัน
(มีนัยว่า รู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองอยู่)

To the heart and mind
ต่อหัวใจและความคิด

Ignorance is kind
ความไม่รู้มันก็มีดีอยู่บ้าง

There's no comfort in the truth
ความเป็นจริงมันจะไม่อุ่นใจเท่าไหร่

Pain is all you'll find
ความเจ็บปวดนั่นแหละคือสิ่งที่จะพบเจอ

####
I Feel So Unsure
ฉันรู้สึกไม่แน่ใจนัก

As I take your hand
ขณะที่ฉันจับมือเธอ

And lead you to the dance floor
และนำเธอไปฟลอเต้นรำ

As the music dies
ขณะที่เสียงดนตรีจบลง

Something in your eyes
มันมีบางอย่างอยู่ในแววตาเธอ

Calls to mind a silver screen
เหมือนทำให้ฉันระลึกภาพที่เคยเห็นในละครทีวี

And all it's sad goodbyes
และเรื่องราวการจบลงอันแสนเศร้าของมัน

####
I'm never gonna dance again
ฉันจะไม่เต้นรำอีกแล้ว

Guilty feet have got no rhythm
เท้าที่ผิด เต้นไปก็ผิดจังหวะ

Though it's easy to pretend
แม้มันง่ายที่จะแกล้งๆไป

I know you're not a fool
ฉันก็รู้ว่าเธอไม่ใช่คนโง่หรอก

I should have known better than to cheat a friend
ฉันน่าจะรู้ดีกว่านี้ ไม่น่าไปหลอกเพื่อนเลย
(เป็นนัยว่า ไม่น่าไปหลอกหรือนอกใจคนที่รู้จักคุ้นเคยกันมากที่สุด ยังไงก็จะถูกจับได้)

And waste a chance that I've been given
แล้วมาเสียโอกาสที่ได้รับ

So I'm never gonna dance again
ฉันจึงจะไม่เต้นรำอีกแล้ว

The way I danced with you
ในแบบที่ฉันเต้นรำกับเธอ

####
Time can never mend
เวลามันไม่ได้ช่วยแก้ไข

The careless whisper of a good friend
เสียงกระซิบที่ไม่สนใคร จากเพื่อนฉัน
(มีนัยว่า รู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองอยู่)

To the heart and mind
ต่อหัวใจและความคิด

Ignorance is kind
ความไม่รู้มันก็มีดีอยู่บ้าง

There's no comfort in the truth
ความเป็นจริงมันจะไม่สบายใจเท่าไหร่

Pain is all you'll find
ความเจ็บปวดคือสิ่งที่จะพบเจอ

####
I'm never gonna dance again
ฉันจะไม่เต้นรำอีกแล้ว

Guilty feet have got no rhythm
เท้าที่ผิด เต้นไปก็ผิดจังหวะ

Though it's easy to pretend
แม้มันง่ายที่จะแกล้งๆไป

I know you're not a fool
ฉันก็รู้ว่าเธอไม่ใช่คนโง่หรอก

I should have known better than to cheat a friend
ฉันน่าจะรู้ดีกว่านี้ ไม่น่าไปหลอกเพื่อนเลย
(เป็นนัยว่า ไม่น่าไปหลอกหรือนอกใจคนที่รู้จักคุ้นเคยกันมากที่สุด ยังไงก็จะถูกจับได้)

And waste a chance that I've been given
แล้วมาเสียโอกาสที่ได้รับ

So I'm never gonna dance again
ฉันจึงจะไม่เต้นรำอีกแล้ว

The way I danced with you
ในแบบที่ฉันเต้นรำกับเธอ

####
Time can never mend
เวลามันไม่ได้ช่วยแก้ไข

The careless whisper of a good friend
เสียงกระซิบที่ไม่สนใคร จากเพื่อนฉัน
(มีนัยว่า รู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองอยู่)

To the heart and mind
ต่อหัวใจและความคิด

Ignorance is kind
ความไม่รู้มันก็มีดีอยู่บ้าง

There's no comfort in the truth
ความเป็นจริงมันจะไม่อุ่นใจเท่าไหร่

Pain is all you'll find
ความเจ็บปวดคือสิ่งที่จะพบเจอ

####
Tonight the music seems so loud
คืนนี้เสียงเพลงฟังดังมาก

I wish that we could lose this crowd
ฉันละอยากให้เราเต้นรำกันเพียงแค่สองคน

Maybe it's better this way
บางทีอย่างนี้ก็ดีกว่า

We'd hurt each other with the things we want to say
เราทำให้กันและกันเสียใจด้วยคำพูดของเรา

We could have been so good together
เราน่าจะเป็นคู่กันที่ดีต่อกันได้

We could have lived this dance forever
เราน่าจะเต้นรำกันตลอดไปได้

But now who's gonna dance with me
แต่แล้ว ต่อนี้ไป ใครกันเล่าจะมาเต้นรำกับฉัน

Please stay
โปรดอยู่ต่อเถอะ

####
And I'm never gonna dance again
ฉันจะไม่เต้นรำอีกแล้ว

Guilty feet have got no rhythm
เท้าที่ผิด เต้นไปก็ผิดจังหวะ

Though it's easy to pretend
แม้มันง่ายที่จะแกล้งๆไป

I know you're not a fool
ฉันก็รู้ว่าเธอไม่ใช่คนโง่หรอก

I should have known better than to cheat a friend
ฉันน่าจะรู้ดีกว่านี้ ไม่น่าไปหลอกเพื่อนเลย
(เป็นนัยว่า ไม่น่าไปหลอกหรือนอกใจคนที่รู้จักคุ้นเคยกันมากที่สุด ยังไงก็จะถูกจับได้)

And waste a chance that I've been given
แล้วมาเสียโอกาสที่ได้รับ

So I'm never gonna dance again
ฉันจึงจะไม่เต้นรำอีกแล้ว

The way I danced with you
ในแบบที่ฉันเต้นรำกับเธอ

####
Now that you've gone
ตอนนี้เธอได้จากไปแล้ว

Now that you've gone
ตอนนี้เธอได้จากไปแล้ว

Now that you've gone
ตอนนี้เธอได้จากไปแล้ว

Was what I did so wrong
ฉันทำอะไรผิดมากมายเหรอ

So wrong that you had to leave me alone
ผิดมากที่เธอจำต้องทิ้งฉันไว้คนเดียวอย่างนี้


"ซาบซึ้งใจจัง VS ไม่ปลื้มหรอกนะ"

Learn Real English;

"ซาบซึ้งใจจัง VS ไม่ปลื้มหรอกนะ"


ต่อไปนี้ผมพยายามจะเขียน title ของแต่ละเรื่องให้ชัดเจนครับ ทำให้หลายท่านได้เห็นแล้วอยากอ่านต่อ ผมเชื่อว่ามันจะทำให้อ่านได้เข้าใจง่ายมากครับ พอคุณผู้อ่านได้อ่านตั้งแต่แรกจนจบ ก็จะคลี่คลายประเด็นหัวเรื่อง และเข้าใจเรื่องราวที่ผมเขียนได้อย่างง่ายดายครับ เก่งภาษาอังกฤษขึ้นเยอะทีเดียว


คำที่เราหยิบยกมาวันนี้ คำว่า appreciate เป็นคำคุ้นหู้คุ้นตาสำหรับหลายคนครับ มันอ่านออกเสียงว่า "อัพ พริ้ ชิ เอ็ท" โดยเน้นเสียงที่พยางค์ "พริ้" แล้วลากเสียงสุดท้ายหน่อยนะครับ ว่า "เอ็ท" ยิ่งถ้าเป็นสำเนียงอังกฤษอังกฤษ จะมีเสียง "te" หรือเสียง "เทอะ" ค้างอยู่ในลำคอหน่อยนึงด้วยนะครับ ไม่ drop เสียงหายไป เผื่อว่าไปรวมกับคำอื่นต่อมา เสียง "ate" นี้ ก็เพื่อให้รู้ว่าเป็นคำ "กริยา" นั่นเองครับ


หากใครสนใจเรียนการออกเสียงภาษาอังกฤษให้ไพเราะและถูกต้องเหมือนเจ้าของภาษา เรียนกับผมได้นะครับ จัดเนื้อหาเป็นคอร์สส่วนตัว ติดต่อได้ที่ 085-164-6105 หรืออีเมล์ BristolHouseThailand@yahoo.com ครับ

ต่อกันว่า .. คำนี้ appreciate "อัพ พริ้ ชิ เอ็ท" แปลว่า "ซาบซึ้ง" หรือ "รู้สึกขอบคุณ" ครับ ถ้าให้ผมยกตัวอย่างที่เราพูดกันบ่อยๆ ก็เช่นว่า ..

I really appreciate your help.
ฉันรู้สึกซาบซึ้งต่อความช่วยเหลือของคุณจริงๆ

I really appreciate it.
ฉันซาบซึ้งจริงๆ

I would appreciate it if you could give me a hand.
ฉันจะขอบคุณมากเลยถ้าคุณช่วยฉันสักหน่อย

What you did for us was much appreciated. It reminds us how lucky we are to have your as our friends. That's what friends are for.
สิ่งที่คุณทำให้พวกเรามันช่างเป็นเรื่องน่าซาบซึ้งใจนัก มันย้ำเตือนให้เห็นว่าเราโชคดีมากแค่ไหนที่มีคุณเป็นเพื่อน นี่แหละคือสิ่งที่ความเป็นเพื่อนมีให้กัน


คราวนี้ เราเปลี่ยนทิศทางแบบ 180 องศาเลยนะครับ อีกประเด็นนึงครับ ถ้าเราทำเป็นประโยคปฏิเสธซะ..


ได้ว่า I don't appreciate it. แล้วในภาษาอังกฤษแท้ๆ เราจะไม่ได้แปลตรงๆ หรือใส่ "ไม่" เข้าไป คาดว่าแปลว่า "ฉันไม่ซาบซึ้ง" อย่างนี้ผมว่า แม้มันจะพอเข้าใจได้ แต่ยังไม่ถึงความรู้สึกลึกๆ ของประโยคนี้ครับ 


เพราะนั่นคือ ผมอยากให้คุณผู้อ่านจำไปได้เลย เมื่อเราพูดว่า I don't appreciate it. เราจะหมายถึง "ฉันไม่ปลื้มหรอกนะ" แนวนี้ซะมากกว่าครับ คือแปลไทยเป็นไทย ได้ว่า "ฉันไม่ชอบเป็นที่สุดเชียว (แนวโกรธๆ ตึงๆ หน่อยนะครับ)" ครับ ซึ่งเรามักใช้ประโยคนี้ เมื่อเราได้พยายามช่วยเหลืออะไรใครไปแล้ว แต่แล้วเขาผู้นั้นก็ยังบ่นพ้อต่อว่า ทำอย่างไรก็ไม่ดีพอ แล้วอาจะยังตีโพยตีพายให้เรื่องยาวใหญ่โตเข้าไปอีก เราก็หยุดเขาได้โดยประโยคนี้ I don't appreciate it โดยเราสามารถเปลี่ยนคำว่า it นี้ให้ประโยคที่ใช้กริยา Present Participle หรือ Ving ด้วย ก็ได้นะครับ เพราะว่าตัว "กรรม" นี้เป็นเป็นประธานตัวใหม่ ที่ทำกริยาบางอย่างครับ มาดูตัวอย่างการใช้กันครับ

I don't appreciate you calling him a liar.
ฉันไม่ชอบมากๆเลยนะที่เธอไปเรียกเขาว่าคนโกหก

We have been working so hard on the project without your help whatsoever. Now the work is done and I don't appreciate you complaining about how much better it could have been produced. Why don't you do it yourself?
เราทำงานกันหนักมากตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ในโปรเจ็คนี้ โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคุณเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้งานเสร็จแล้ว แล้วฉันก็ไม่ปลื้มหรอกนะที่คุณจะมาบ่นพ้อต่อว่าบอกว่าให้มันดีอย่างงั้น ให้มันดีอย่างงี้. ทำไมคุณไม่ทำมันเองเลยละ?

Nobody really cares about what happened to us nor how hard it has been so it was predictable that they don't like what we did. On top of that, I don't appreciate you coming in and jeopardizing it all by taking their side. You're supposed to be my friend and that is to understand the situation I'm in. Sooner or later this will happen to them too and then they'll understand.
ไม่มีใครสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นกับเราจริงๆหรอก พวกเขาก็ไม่รู้ว่ามันยากลำบากสำหรับเราขนาดไหน ก็คาดเดาได้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะไม่ชอบสิ่งที่เราทำไป ยิ่งไปกว่านั้น ฉันก็ไม่ปลื้มเลยที่คุณเข้ามาแล้วยิ่งทำให้สถานการณ์ทั้งหมดมันแย่เข้าไปใหญ่โดยไปเข้าข้างเขาซะนิ คุณควรจะเป็นเพื่อนของฉันและเข้าใจฉันว่าฉันตกอยู่ในสถานการณ์อย่างไร ไม่ช้าก็เร็วที่สักวันหนึ่งสถานการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับพวกเขาทั้งหลายเหมือนกันนั่นแหละ แล้วพวกเขาก็จะเข้าใจเอง

... ประโยคนี้จึงมักใช้กับสถานการณ์ที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นะครับ ผมก็หวังว่าคุณผู้อ่านจะไม่ได้นำไปใช้กันบ่อยเท่าไหร่นัก แต่เรียนรู้ไว้ก็ดีครับ เราจะได้ยินประโยคนี้ในภาพยนต์หรือซีรี่ย์ภาษาอังกฤษบ่อยมาก ตอนนี้ก็เข้าใจแล้วนะครับ ทั้งความหมายและไวยากรณ์ที่ต้องใช้ร่วมกันครับ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ

Best wishes,

Than x Bristol House

Call and study English 085-164-6105

Tuesday 9 October 2018

พระบรมราโชวาท ร.๙ ใจความ ศิษย์กับครู (ตอน 1)


Royal Guidance พระบรมราโชวาท;


มีแฟนของเราฝาก คุณ Punn Sensiriwattana ให้ผมแปลพระบรมราโชวาทนี้ครับ ถ่ายรูปและส่งมาให้เรียบร้อยเลยครับ ผมก็เห็นเป็นประโยชน์ดีครับ ที่สำคัญที่สุดของการสื่อสารภาษาก็คือการเขียนเพราะมันเป็นต้นทางแห่งการพูดที่ถูกต้องตามหลักแกรมม่าด้วยนะครับ ขอขอบคุณที่ฝากถามเข้ามาครับ


เข้าประเด็นการแปลเลยนะครับ




จากพระบรมราโชวาทประโยคแรก ทรงตรัสไว้ว่า "..หน้าที่สำคัญของนักเรียนอยู่ที่เรียนให้เต็มกำลัง และให้สำเร็จ"


สิ่งที่ผมอยากอธิบายให้เราเข้าใจตรงนี้ คือจุด "ประธาน" หลักของประโยคคือคำนามว่า "หน้าที่สำคัญของนักเรียน" ครับ และกริยาหลักของประโยคเรานำคำกริยาว่า "อยู่ที่" และกรรมของประโยคคือคำนามว่า "เรียนให้เต็มกำลัง และให้สำเร็จ"


โครงสร้างหลักเราได้แล้ว เราก็ปรับแต่ง phrase ภายในให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษครับ

จึงได้ "ประธาน" ว่า

The most important responsibility of a student

จะสังเกตได้ว่า เราได้นามหลักคือคำว่า "responsibility" ซึ่งเป็น "นามนับได้เอกพจน์" ทำให้ส่วนขยายที่หมายถึง "ของนักเรียน" ควรผันเป็น "นามเอกพจน์" เช่นกัน ดังที่กล่าวข้างบนครับ

แล้ว "กริยา" ของประโยค ว่า "อยู่ที่" ได้ว่า
is แบบง่ายและถูกต้องดีครับ หากต้องการให้ดูหรูกว่านี้ อาจใช้ lies upon ก็ถือว่าใช้ได้นะครับ แต่มันจะทำให้ต้องผันโครงสร้างกรรมยาวหน่อยที่แตกต่างกันครับ ไม่ใช่ว่าจะสลับกันใช้ระว่าง is กับ lies upon เสมอนะครับ

ส่วน "กรรม" ของประโยค ได้ว่า
to study with all one's strength

เราใช้ infinitive ‘to study’ แสดงความหมายว่าเป็นจุดประสงค์ครับ แล้วต่อด้วยส่วนขยาย prepositional phrase ดังกว่าวว่า with all one’s strength


ส่วน “และให้สำเร็จ” นี้เราต้องพิจารณาให้เหมาะสมครับ ว่าจะใช้โครงสร้างใดดี
เนื่องจากประโยคสมบูรณ์แล้ว หากเราต้องการเชื่อมประโยคด้วย ‘and’ เราต้องรักษาโครงสร้างกริยาไว้ด้วยครับ จึงอาจเพิ่มกริยาไป ได้ว่า and to do so successfully เพราะคำว่า “ให้เสร็จ” เราต้องทำเป็น adverb ให้ได้ครับ ยิ่งเป็นภาษาเขียนด้วยแล้วละก้อ ยิ่งควรทำประเภทของคำชัดเจนครับ


จึงรวมกันเป็นประโยคได้ว่า


The most important responsibility of a student is to study with all one’s strength and to do so successfully.

ประโยคที่เหลือ มาต่อกันคราวหน้านะครับ

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ

Happy Holiday,
Than Bristol House xx

www.bristolhouse.net
www.facebook.com/ThanEnglishClub/
BristolHouseThailand@yahoo.com
Study English Call 085-164-6105